วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

SF IN THE RAIN HUNHAN FT. IRENE 2/2 40%







2 เดือนผ่านไป

หลังจากเสร็จสิ้นงานเลี้ยงฉลองการหมั้นหมายระหว่างเขาและไอรีน เขาก็แทบจะไม่ได้มาเหยียบที่โรงพยาบาลแห่งนี้เลย มีบ้างที่แวะมารับส่งไอรีนทำงานซึ่งเขาก็จอดรถส่งเธอที่ด้านหน้าโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่เคยสาวเท้าเข้ามาภายใน นี่นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบสองเดือนที่เขาย่างกรายเข้ามาภายในสถานที่แห่งนี้ 

โอเซฮุนล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้บริเวณโซนที่อยู่ใกล้ๆเคาน์เตอร์จ่ายยา ชายหนุ่มก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย เขาพบว่าตอนนี้เป็นเวลาใกล้จะสองทุ่มแล้วซึ่งในอีกไม่กี่นาทีจะเป็นเวลาเลิกงานของแฟนสาว ร่างสูงสอดส่ายสายตามองหาเบจูฮยอนรวมถึงใครบางคน...คนที่เขาไม่ได้พบเจอหรือติดต่อกันเลยตลอดสองเดือน คนๆนั้นไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองการหมั้นของเขาตามคำเชื้อเชิญ ลู่หานหายออกไปจากชีวิตของเขาราวกับว่าความสัมพันธ์แสนยาวนานระหว่างเขาและอีกฝ่ายนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ

ยังคงใจร้ายและเย็นชาเสมอ

“กลับบ้านกับผมไหมครับ ผมได้ข่าวจากพี่พยาบาลว่ารถของพี่หมอเสีย”

“อื้ม...ดีเลยจงอิน พี่เองก็ไม่อยากจ่ายค่าแท็กซี่อยู่พอดี”ลู่หานในชุดเตรียมกลับบ้านเอ่ยตอบรุ่นน้องซึ่งทำงานเป็นบุรุษพยาบาล ร่างเล็กระบายยิ้มบางๆส่งให้ร่างโปร่ง 

“งั้นก็เชิญเดินตามผมเลยครับคุณหมอ”ร่างโปร่งฝายมือนำทางคุณหมอตัวเล็กด้วยท่าทางกวนๆ ทว่าชายหนุ่มก็เห็นถึงความผิดปกติของคนข้างๆ ลู่หานหยุดเดินเมื่อสาวเท้าผ่านเคาน์เตอร์จ่ายยา รอยยิ้มน่ารักของอีกฝ่ายค่อยๆมลายหายไป จงอินหยุดชะงักปลายเท้าก่อนจะมองตามสายตาของคุณหมอร่างเล็ก....โอเซฮุน เป็นโอเซฮุนจริงๆ อดีตคนรักของคนข้างๆกำลังแสยะยิ้มมาที่พวกเขา

“เลิกกันไม่กี่วัน เก่งนิ...หาใหม่ได้เร็วขนาดนี้!

“....เหมือนนายกำลังด่าตัวเองอยู่มากกว่านะ ฉันกับจงอินเราเป็นแค่พี่น้องกัน ไปกันเถอะจงอิน”ลู่หานเบือนหน้าหนีสายตาดูถูกดูแคลน มือเรียวกำหมัดเข้าหาแน่นพยายามจะระงับอารมณ์ 

“เดี๋ยวสิ!!”โอเซฮุนรีบสาวเท้าเร็วๆเข้ามาดักหน้าร่างเล็ก ชายหนุ่มจ้องหน้าร่างเล็กด้วยความไม่พอใจ

“ที่นี่มันโรงพยาบาลนะโอเซฮุน ฉันไม่อยากมีเรื่องกับนาย”

“เอ๊ะ! เซฮุนนายปล่อยฉันนะ!”ข้อมือเรียวถูกร่างสูงฝั่งตรงข้ามฉวยหมับไว้จนแน่น โอเซฮุนออกแรงดึงลู่หานให้สาวเท้ามากับเขาอย่างเอาแต่ใจ

“พี่หมอ! คุณโฮเซฮุน!”จงอินตะโกนเรียก ดวงตาคมเข้มมองภาพเบื้องหน้าอย่างกระอักกระอ่วนใจ เขาควรเข้าไปช่วยลู่หานดีหรือไม่หรือเขาควรปล่อยให้สองคนนั้นเคลียร์กันเอง

“นายอย่ามาแส่เรื่องของผัวเมีย!”เหลียวใบหน้ามาก่นด่าร่างโปร่งพร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเกรี้ยวกราด เซฮุนรีบเร่งสาวเท้าเพื่อพาลู่หานออกมาจากโรงพยาบาลด้วยกัน

“อ้าว....แล้วพี่เบจูฮยอนของคุณล่ะ”คิมจงอินเอ่ยออกมาพร้อมกับมองแผ่นหลังคุ้นเคยของคนทั้งสองที่กำลังออกห่างจากเขาไปไกล แบบนี้ที่มันเรียกว่าโมโหหึงชัดๆ...ถ้ายังรักพี่ลู่หานอยู่แล้วทำไมถึงไปหมั้นกับพี่จูฮยอนล่ะ...เขาไม่เข้าใจโอเซฮุนเลยจริงๆ






“ปล่อย!!!”จังหวะที่โอเซฮุนชะลอฝีเท้าลงเมื่อสามารถพาเขามายังลานจอดรถของโรงพยาบาลได้ ลู่หานก็ตวาดขึ้นเสียงดังพร้อมกับสะบัดข้อมือแรงๆทันที ทว่าอีกฝ่ายกลับยังไม่ยอมปล่อยเขาเป็นอิสระ ฝ่ามือของโอเซฮุนไม่ต่างจากคีมเหล็กเลยสักนิด ไม่ว่าตลอดทางเขาจะพยายามแกะข้อมือของตัวเองออกจากพันธนาการของอีกฝ่ายแค่ไหนทว่ามันกลับไม่สำเร็จสักครั้ง โอเซฮุนหยุดฝีเท้า ชายหนุ่มหันมาสบตาร่างเล็กที่กำลังโมโห

“ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านเอง”

“แล้วไอรีนล่ะ แฟนของนายน่ะ นายไม่ได้มารอรับเธอหรอกเหรอ”ลู่หานมองชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ ร่างเล็กขมวดคิ้วชิดชนกัน ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยความโกรธเจือน้อยใจ

“เปล่านิ ฉันตั้งใจจะมาหาเธอต่างหาก”เขาพูดปดออกไปเพราะความจริงแล้วเขาตั้งใจจะมารอรับไอรีนต่างหากแต่เพราะบังเอิญเขาเจอลู่หานเสียก่อน ความคิดที่จะมารับแฟนสาวกลับไปส่งคอนโดของหล่อนมันก็มลายหายไปในพริบตา ยิ่งเมื่อกี้ได้เห็นลู่หานกำลังอี๋อ๋อกับคิมจงอินรุ่นน้องของอีกฝ่ายด้วยแล้ว เขายิ่งไม่อยากปล่อยลู่หานไป 

“มาหาฉัน? นายไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉันแล้ว นายจะมาหาฉันอีกทำไม”เซฮุนเลือกที่จะเงียบ มือหนากอบกุมข้อมือเรียวแน่นขึ้น เพื่อแสดงให้ร่างเล็กรับรู้ว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไปแน่นอน

“เราเลิกกันแล้ว!

“ถึงจะเลิกกันแล้วแต่ยังไงซะเธอก็ยังเป็นเมียของฉัน”

เพียะ!!!!!!

“ที่ผ่านมาฉันเคยคิดว่านาย...เป็นคนดี อื้อ!!!!”รั้งใบหน้าของลู่หานเข้ามาใกล้ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากของตนเองลงบนเรียวปากอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายอย่างจาบจ้วง ชายหนุ่มบดจูบซ้ำๆจนพอใจ จุมพิตของลู่หานยังคงอ่อนหวานเหมือนเดิม...นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้รับสัมผัสเช่นนี้ เซฮุนผละใบหน้าออกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้นใบหน้าของลู่หาน ร่างสูงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ร้องไห้งั้นเหรอ...ลู่หานกำลังร้องไห้เพราะเขา เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายร้องไห้เลยนับตั้งแต่รู้จักกันมา แม้แต่ตอนที่เขาปฏิเสธการแต่งงานกับอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงออกว่าเสียใจสักนิด ทว่าทำไมวันนี้ถึง....

“ฉันขอโทษ”โอเซฮุนค่อยๆคลายฝ่ามือข้างที่รัดข้อมือของร่างเล็ก และไม่นานลู่หานก็สะบัดข้อมือออกจากพันธนาการของเขาสำเร็จ 

เพียะ!!!!!!

คนตัวเล็กไม่ลืมที่จะฝากความเจ็บปวดลงบนใบหน้าของเขาเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะเร่งฝีเท้าวิ่งหนีเขา

“ลู่หานเธอเคยรักฉันบ้างรึเปล่า!!!...ที่ผ่านมาความรู้สึกของฉัน เธอเคยรับรู้มันบ้างไหม”ชายหนุ่มตะโกนไล่หลัง ที่ผ่านมาเขาเอาแต่วิ่งเข้าหาลู่หาน ตามตื้ออีกฝ่ายต่างๆนานา เขาไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วลู่หานรู้สึกกับเขายังไงกันแน่ แม้แต่คำว่ารักจากปากของอีกฝ่าย นับตั้งแต่วันที่ตกลงคบกันจนมาถึงวันนี้...เขาก็ยังไม่เคยได้ยินมันเลยสักครั้ง มีเพียงเขาที่คอยมอบถ้อยคำเหล่านั้นให้อีกฝ่าย เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาทำเพื่อลู่หานตลอดมา...อีกฝ่ายจะรับรู้ถึงมันบ้างไหมหรือคิดใส่ใจกับมันบ้างรึเปล่า ความรู้สึกของเขาจะมีสักครั้งไหมที่ลู่หานนึกอยากใส่ใจ

“...คำถามนั้นฉันต่างหากที่ควรเป็นคนถามนาย”หมุนตัวกลับมาสบตาร่างสูงผ่านม่านน้ำตา ลู่หานมองใบหน้าของโอเซฮุนด้วยสายตาเจ็บปวด

“....”

“โอเซฮุน...ฉันจะบอกอะไรนายอย่างนึง ฉันเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง และฉันก็ไม่มีทางทำอะไรที่มันทรยศกับความรู้สึกของฉัน”

“...หมายความว่ายังไง ช่วยบอกให้ฉันเข้าใจทีเถอะ”ร่างเล็กหลับตาลงก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง มือเรียวบาดเช็ดคราบน้ำตาทิ้งพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“ถ้าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาย...ฉันคงไม่ตกลงคบกับนายหรอกเซฮุน แล้วก็คงไม่ยอมตอบตกลงแต่งงานกับนายด้วย”พูดจบร่างเล็กก็รีบวิ่งออกมาจากบริเวณนั้นทันที ปล่อยโอซฮุนให้ยืนเคว้งอยู่ตามลำพังด้วยความรู้สึกหลากลาย

“ลู่หาน”เอ่ยออกมาราวกับคนเหม่อลอย ถึงตอนนี้จะรับรู้ความรู้สึกของลู่หานแล้ว ทว่าเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีในเมื่อเขามีเบจูฮยอนอยู่ข้างกาย ให้ตายสิเขาไม่ควร...ไม่ควรดึงคนอื่นเข้ามาในความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงนี้เลย









 40%

#พายุฤดูฝนhunhan










..............................................
 อักวันสองวันจะมาต่อให้จบนะคะ

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561

รักของ(เรา) (OS)



#จื่อคุนรหัสแดง

“ถ้าเรามีลูกด้วยกันได้ก็คงจะดีว่าไหม...เสียดายเนอะ”สวีคุนตวัดสายตามองไปที่ใบหน้าของคนรัก ใช่สิ...ในเมื่อเขาเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง เขาเองก็อยากมีลูกไม่ต่างจากหวังจื่ออี้เลยสักนิด แต่ติดปัญหาที่เพศสภาพไม่เอื้ออำนวยต่อการมีบุตร
ตั้งแต่เรียนจบมหา'ลัยเขาและคนรักได้ตัดสินใจซื้อบ้านร่วมกัน ตอนนี้เขาใช้ชีวิตคู่กับหวังจื่ออี้ได้เกือบสี่ปีแล้วล่ะ แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันการเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนี้ หากแต่คนในครอบครัวรวมถึงเพื่อนๆของพวกเขานั้นทราบดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหวังจื่ออี้อยู่ในสถานะใด ในช่วงปีแรกที่ได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันทุกอย่างราบรื่นดี ความรักของเราทั้งคู่มั่นคง จนกระทั่งย่างเข้าสู่ปีที่สามของการใช้ชีวิตคู่...
“...พูดเรื่องนี้อีกแล้ว หาคนอุ้มบุญไหมล่ะ จะได้จบๆ”จื่ออี้ละสายตาจากเด็กสาวตัวน้อยที่กำลังไล่จับผีเสื้ออยู่ในจอทีวี ชายหนุ่มหันมาสบตาคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆเขา สวีคุนคว่ำปาก ก่อนจะเบือนหน้าหนีดวงตาคมเข้มของสามี ร่างบางแย่งรีโมทในมือของคนรักมากดเปลี่ยนช่อง สวีคุนทำทีไม่สนใจคนตัวโต ซึ่งกำลังมองมายังเขาอย่างไม่พอใจนัก
เวลาพูดถึงเรื่องลูกทีไร เขามักจะทะเลาะกับหวังจื่ออี้ทุกทีไป เขาเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายนั้นอยากมีลูก ตัวเขาเองก็อยากมีเจ้าตัวเล็กมาวิ่งเล่นภายในบ้านเหมือนกัน ในความคิดของเขาและชายหนุ่มรวมถึงคู่รักอีกหลายๆคู่การมีลูกเสมือนเป็นการเติมเต็มชีวิตคู่ให้สมบรูณ์แบบ แต่นั่นแหละ...เขาไม่มีมดลูกนี่นา แถมวิวัฒนาการทางการแพทย์ในตอนนี้ก็ยังไม่ก้าวไกลถึงขนาดจะทำให้ผู้ชายอย่างเขาสามารถตั้งครรภ์ได้
ในปัจจุบันหากคู่รักที่เป็นเพศที่สามอยากมีลูกด้วยกันมากๆ บางคู่ตัดสินใจจ้างหญิงสาวให้มาอุ้มบุญ ส่วนบางคู่นั้นรับเด็กจากสถานสงเคราะห์มาเลี้ยงดูประหนึ่งเป็นลูกของพวกเขาเอง เขาเคยเสนอทางเลือกเหล่านี้ต่อคนรักอยู่หลายครั้ง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เห็นด้วย
“เอาแต่ใจเป็นเด็กๆ...”เสียงทุ้มสบถออกมา ก่อนจะเอนกายระนาบผืนเตียง ร่างสูงพลิกตัวตะแคงไปอีกฝั่ง ชายหนุ่มปิดเปลือกตาลงหวังจะหลีกหนีจากการทะเลาะ ถ้าขืนเขามัวแต่ต่อล้อต่อเถียงกับช่ายสวีคุนละก็ คืนนี้เขาคงไม่ได้นอนแน่ๆ พรุ่งนี้เช้าเขาต้องเข้าบริษัท เขาไม่อยากจะไปทำงานสายหรอกนะ ยิ่งช่วงนี้สวีคุนเหมือนจะหงุดหงิดไปเสียทุกอย่าง เขาพูดอะไรนิดอะไรหน่อยอีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่พอใจไปเสียหมด
 “เออ...ฉันเอาแต่ใจแบบนี้แหละ พูดให้เจ็บใจอยู่ได้ รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิง!”สวีคุนกอดอก ดวงตาสวยจดจ้องไปที่แผ่นหลังของร่างสูง สวีคุนรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเมื่อเห็นคนรักทำทีเมินเฉยต่อคำพูดของเขา เขาไม่ใช่คนจุดประเด็นนี้ขึ้นมาก่อนเสียหน่อย แต่เพราะอีกฝ่ายนั่นแหละที่พูดรื่องลูกขึ้นมา! จงใจเขวี้ยงรีโมทในมือให้ไปกระแทกที่แผ่นหลังของชายหนุ่ม ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มสะใจ หลังจากได้ยินเสียงกระแทกลมหายใจแรงๆจากคนแกล้งหลับ
“ไม่อยากจะมาทะเลาะด้วยหรอกนะ”ร่างสูงพูดขึ้น โดยไม่หันกลับไปมองร่างบาง
“ก็นายทำให้ฉันหงุดหงิดก่อนนิ ถ้าอยากมีลูกมาก...ทำไมไม่หาเมียเป็นผู้หญิงตั้งแต่ทีแรกล่ะ มาจีบผู้ชายอย่างฉันทำไม เหอะ!”จื่ออี้หายใจเข้าลึก พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้มันระเบิดออกมา สิ่งไหนที่พอจะอดทนได้เขาก็จะพยายามให้ถึงที่สุดเพราะเขารักช่ายสวีคุนมาก เขาและสวีคุนคบหากันตอนเรียนปีสอง ซึ่งเขาเป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าไปจีบอีกฝ่ายก่อน
หลังเรียนจบเขาได้เข้าทำงานที่บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ในตำแหน่งวิศวกรด้านไอที ส่วนสวีคุนอีกฝ่ายกินบุญเก่าจากพ่อแม่ เพราะพวกท่านได้ทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลไว้ให้ ก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ อีกทั้งในทุกๆเดือนจะมีคนโอนค่าเช่าอาคารหลายสิบแห่งมาให้กับอีกฝ่าย เอาเป็นว่าชาตินี้ทั้งชาติสวีคุนคงจะใช้เงินทองที่มีอยู่ไม่หมดหรอก หลายคนที่รู้จักต่างพูดกันว่าเขาเหมือนหนูตกถังข้าวสารเพราะได้ลูกคุณหนูมีอันจะกินเป็นเมีย ซึ่งเขาก็ไม่เถียงหากมีใครพูดเช่นนั้น
“ถ้ายังไม่เงียบจะลงไปนอนที่โซฟาด้านล่าง รำคาญ”คล้ายกับเส้นความอดทนขาดสะบั้นลงหลังได้ยินคำว่า รำคาญ จากปากคนรัก ทะเลาะกันหนักแค่ไหน...จื่ออี้ไม่เคยพูดกับเขาแบบนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก! มือเรียวคว้าหมอนใกล้ตัวก่อนจะฟาดเข้าใส่ลำตัวของร่างสูงเต็มแรง
  “พอสักทีเถอะ!!!”คนตัวโตเด้งตัวขึ้นจากเบาะนุ่มด้วยความหงุดหงิดเต็มทน จื่ออี้ตวาดใส่หน้าคนที่กำลังถือหมอนค้างอยู่กลางอากาศ ใบหน้าสวยบึ้งตึงด้วยความโมโห ทั้งสองจ้องประสานสายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร หวังจื่ออี้ทอดถอนหายใจอย่างเหลืออด ชายหนุ่มหยิบหมอนที่เคยใช้หนุนเป็นประจำมาถือไว้ ก่อนจะร่างกายลงจากเตียง
 “จะไปไหน!”ตวาดถามไล่หลังเมื่อเห็นร่างสูงสาวเท้าไปที่ประตู จื่ออี้หันกลับไปมองคนที่กำลังนั่งกอดอกอยู่บนเตียง สวีคุนมองหน้าคนรักด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวเจือน้อยใจ ทำไมจื่ออี้ถึงไม่ง้อเขาอย่างเช่นที่ผ่านๆมาล่ะ!
 “ฉันจะลงไปนอนข้างล่าง เบื่อคนเจ้าอารมณ์อย่างนายเต็มทีแล้ว”
“เออ! จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย ต่อไปนายไม่ต้องเข้ามานอนในห้องนี้อีกนะ!”ตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ทุกถ้อยคำล้วนสวนทางกับใจของเขาทั้งสิ้น ร่างสูงส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่ายต่อพฤติกรรมของคนรัก ดวงตาเรียวคมสะท้อนไปด้วยความผิดหวังขณะจดจ้องใบหน้าสวีคุน ชายหนุ่มหมุนลูกบิดก้าวเท้าออกไปจากห้อง ทิ้งให้ร่างบางหายใจฟืดฟัดด้วยความโมโหตามลำพัง
“ไอ้ผัวบ้า! ชิส์!!”สวีคุนจัดการเขวี้ยงหมอนในมือสุดกำลังระบายอารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้น
.
.
.
.
.
“อย่ามากอดได้ไหมมันร้อน”ร่างบางบ่นออกมาอย่างรำคาญ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหวังจื่ออี้กำลังต้องการอะไร ถึงได้มาเดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมเขาอยู่เช่นนี้ ลมหายใจอุ่นร้อนที่กำลังเป่ารดบริเวณต้นคอของเขา ส่งผลทำให้ขนอ่อนลุกชันไปหมด จื่ออี้กอดสวีคุนจากทางด้านหลังขณะที่ร่างบางกำลังนอนตะแคง ชายหนุ่มโอบกระชับเอวคอดเพื่อให้ร่างบางขยับเข้ามาแนบชิดร่างกายของเขายิ่งขึ้น
 “เราสองคนไม่ได้มีอะไรกันมาเกือบเดือนแล้วนะ...ฉันต้องการนาย คืนนี้ฉันขอนะ”จงใจเลื้อยฝ่ามือเข้าไปสำรวจผิวเนื้อภายในเสื้อนอนของอีกฝ่าย จื่ออี้ยกยิ้มมุมปาก ริมฝีปากบางไล่ขบเม้มไปทั่วลำคอระหง หวังจะปลุกเร้าอารมณ์ของคนรักให้ตื่นตัวเช่นเขา เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เขากับสวีคุนไม่ได้มีเซ็กส์กันเลย ทั้งๆที่ช่วงคบกันเป็นแฟนแรกๆพวกเขามีเซ็กส์กันเกือบทุกคืน ทว่าช่วงหลังมานี้จำนวนครั้งเริ่มลดลงเรื่อยๆ กระทั่งปัจจุบันกลายเป็นเดือนละครั้งสองครั้งเท่านั้น ซึ่งมันไม่เพียงพอต่อความต้องการของเขาเลยสักนิด
หลังเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานที่บริษัท เมื่อเขากลับถึงบ้านก็ย่อมต้องการคนปรนนิบัติดูแล เช่น ทำอาหาร จัดเตรียมเสื้อผ้าให้ และเรื่องบนเตียงมันก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเขา เซ็กส์ช่วยทำให้เขาหายเครียด เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าหลังจากที่ได้ทำมัน คล้ายเป็นการได้ชาร์ตพลัง หากแต่พักหลังๆมาสวีคุนไม่ยอมให้เขามีเซ็กส์ด้วยเลย แถมยังชอบชวนทะเลาะเป็นประจำ
นับวันเขายิ่งรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตคู่ บ้านมันควรเป็นแหล่งรวมของความสุขและความผ่อนคลายสิ... เมื่อก่อนมันเคยเป็นแบบที่เขาวาดฝันไว้ ทว่าตอนนี้มันกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง บ้านไม่ใช่แหล่งรวมของความสุขอีกต่อไป
“เอ๊ะ! ก็บอกแล้วไงว่าร้อน!”ร่างบางจิ๊ปากขัดใจ ก่อนจะหันไปจ้องหน้าร่างสูงเขม็งด้วยความหงุดหงิด ถึงจะอนุญาตให้กลับขึ้นมานอนบนห้องตามเดิม แต่ใช่ว่าเขาพร้อมจะมีเซ็กส์กับอีกฝ่าย
“ฉันจะเร่งแอร์ให้...เสี่ยวช่ายเห็นใจฉันบ้างสิ”พวกเขาสบตากัน จื่ออี้พยายามส่งสายตาขอร้องแกมออดอ้อน ชายหนุ่มขยับใบหน้าเข้าหาดวงหน้างดงามช้าๆ ขณะที่ฝ่ามือกำลังลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อเนียนบริเวณหน้าท้องของอีกฝ่าย
“พอเถอะ...ฉันง่วงอยากนอน ไว้วันหลังละกันนะ”สวีคุนใช้มือปิดกั้นริมฝีปากของร่างสูง เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มนำอวัยวะส่วนนั้นมาแนบที่กลีบปากของเขาได้สำเร็จ เมื่อเห็นดวงตาคมหม่นลงจากที่เคยเป็นประกายสดใส สวีคุนรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่เอ่ยปฏิเสธอีกฝ่าย แต่เพราะความง่วงกำลังกัดกินสติของเขาจนแทบจะไม่มีหลงเหลือ เขาจึงเลือกที่จะเมินเฉยต่อความต้องการของคนรัก ร่างบางหันเหใบหน้ากลับมายังตำแหน่งเดิม ก่อนจะปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งลง
“ให้มันได้อย่างนี้สิ...น่าเบื่อชะมัด”จื่ออี้พลิกกายกลับมานอนหงาย ท่อนแขนหนาถูกเจ้าของนำมาวางก่ายที่หน้าผาก ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม จมูกโด่งพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด ในเวลาต่อมาหวังจื่ออี้ตัดสินใจผุดกายลุกจากเตียงและสาวเท้าไปยังห้องน้ำ
 “อ้ะ...อ๊า!”หากสวีคุนรู้ว่าเขาไม่ได้จิตนาการถึงอีกฝ่ายขณะกำลังช่วยตัวเอง อีกฝ่ายจะโกรธเขารึเปล่า... ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจินตนาการว่ากำลังมีเซ็กส์อยู่กับคนอื่น นานมากแล้วเหมือนกัน...ที่ไม่ได้จินตนาการเป็นสวีคุน ณตอนนี้ทุกอย่างระหว่าเขาและสวีคุนมันกำลังอิ่มตัวไปเสียหมด เซ็กส์ ความรัก การดูแลเอาใจใส่ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว
“อื้ม อ๊ะ...เจิ้งถิง”จื่ออี้สูดปากด้วยความเสียวซ่าน ก่อนจะเร่งจังหวะชักรูดอาวุธ ยอมรับเลยว่าจูเจิ้งถิงพนักงานคนใหม่เตะตาเขามาก อีกฝ่ายเป็นผู้ชายก็จริง ทว่ากลับมีใบหน้าที่สวยงามไม่ต่างจากผู้หญิง แถมนิสัยใจคอยังน่ารักอีกต่างหาก ถึงจะไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ แต่เขากับอีกฝ่ายก็มักส่งมอบรอยยิ้มให้กันประจำ เกือบสิบครั้งแล้วละมั้งที่ช่วยตัวเองแล้วเผลอจินตนาถึงเพื่อนร่วมงานคนนี้
เมื่อห้วงอารมณ์เดินทางไต่ระดับกระทั่งใกล้แตะถึงจุดสูงสุด ชายหนุ่มปิดเปลือกตาลงพลางใช้ปลายนิ้วเคล้นคลึงตรงส่วนหัวของแกนกาย อวัยวะที่อยู่ภายในอุ้งมือหนากระตุกเกร็ง ไม่นานนักธารน้ำขาวขุ่นก็ได้รับการปลดปล่อยออกมา ชายหนุ่มจัดการทำลายลูกรักด้วยการกดชักโครก ก่อนจะดึงทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดแกนกาย
.
.
.
.
.
ปิ้นนนน!!!!!
 “รถคุณล่ะ?”ชายหนุ่มบีบแตร ก่อนจะรีบลดกระจกลง จื่ออี้ตะโกนถามคนที่กำลังยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรอรถด้านหน้าบริษัท เจิ้งถิงสาวเท้ามาใกล้รถยนต์คันหรู ใบหน้าสวยประดับด้วยรอยยิ้มหวาน
“รถผมเสียน่ะครับ ตอนนี้อยู่ที่อู๋คงอีกหลายวันกว่าจะซ่อมเสร็จ"
“ให้ผมไปส่งไหม”จื่ออี้อาสา อีกนิดก็จะมืดแล้วด้วย ขืนอีกฝ่ายยืนรอรถเมล์ คงอีกนานเลยล่ะกว่าจะได้กลับถึงบ้าน รถเมล์สมัยนี้ขึ้นชื่อเรื่องมาสายมาเลทจะตาย ที่สำคัญเขาเต็มใจที่จะขับรถไปส่งอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ไม่อยากรบกวนคุน”
“ขึ้นมาเถอะครับ ไม่รบกวนหรอก อีกอย่างวันนี้คุณช่วยงานผมตั้งเยอะ อย่าปฏิเสธน้ำใจผมเลยนะครับ”ร่างบางฉงนคิด ริมฝีปากกระจับขบเม้มเข้าหากัน ก่อนจะหันกลับไปสบตาชายหนุ่มที่อยู่ภายในรถอีกครั้งด้วยความลังเลใจ
 “นะครับ...ให้ผมไปส่งคุณนะ”เมื่อได้ยินคำเชื้อเชิญอีกหนึ่งประโยค เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูรถฝั่งด้านข้างคนขับ แล้วสอดตัวเข้าไปนั่งภายใน เจิ้งถิงเอ่ยขอบคุณเพื่อนร่วมแผนก
“ขอบคุณมากเลยครับ”
 “ระหว่างที่รถคุณยังซ่อมไม่เสร็จ ผมยินดีเป็นสารถีรับส่งคุณเอง ไม่ต้องเกรงใจผมนะ”ร่างบางหันไปมองซีกหน้าหล่อเหลา ขณะที่ชายหนุ่มบังคับพวงมาลัยนำรถยนต์ทะยานสู่ถนนเส้นเอก หวังจื่ออี้พูดกับเขาด้วยท่าทางสบายๆ แตกต่างจากเขาที่รู้สึกเกร็งไปทั้งตัว หลังจากพาตัวเองเข้ามาอยู่ในรถคันนี้ ดวงตากลมโตเกิดประกายวูบไหว เมื่อชายหนุ่มละสายตาจากพื้นถนนคอนกรีตมาสบตากัน ทว่าไม่กี่อึดใจชายหนุ่มก็หันกลับไปจดจ่อกับท้องถนนเบื้องหน้าตามเดิม
จูเจิ้งถิงรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหายใจติดขัด หัวใจของเขากำลังทำงานหนักกว่าทุกๆครั้งที่ได้เจอหน้ากัน เวลานี้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองสุดๆเลยล่ะ ถึงแม้เขาจะหวั่นไหวมากแค่ไหน...แต่เขาก็มักจะย้ำเตือนตัวเองเสมอ เขากับหวังจื่ออี้เป็นได้แค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น หวังจื่ออี้ไม่ใช่ผู้ชายโสด อีกฝ่ายมีคนรักอยู่แล้ว ที่สำคัญพวกเขายังคบหากันมาตั้งเนิ่นนานหลายปี เขาเจ็บจี๊ดที่ใจทุกครั้ง ยามเมื่อสายตาสะดุดเข้าที่แหวนทองคำขาวบนนิ้วนางของชายหนุ่ม ทำไมเขาถึงได้เจอหวังจื่ออี้ช้าเกินไปนักล่ะ...เขาอิจฉาคนที่ชื่อช่ายสวีคุนที่สุด หวังจื่ออี้ทั้งหล่อและเพอร์เฟคไปเสียทุกอย่าง ไม่แปลกนักหรอกที่เขาและผู้หญิงคนอื่นๆในแผนกจะพากันหวั่นไหว
“คุณเจิ้งถิง...คุณเจิ้งถิงครับ เส้นทางไปบ้านของคุณ?”เคาะปลายนิ้วบนพวงมาลัยตามจังหวะดนตรี ขณะรอสัญญาณไฟจลาจลให้เปลี่ยนเป็นสีเขียว ชายหนุ่มเรียกชื่อผู้ร่วมทางเพื่อสอบถามเส้นทางไปยังบ้านพักของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังเหม่อลอยอยู่ คล้ายกำลังฝังตัวเองอยู่ในภวังค์ส่วนตัว จื่ออี้ยื่นมือออกไปโบกที่ด้านหน้าร่างบาง พร้อมทั้งส่งเสียงเรียกชื่อของอีกฝ่ายให้ดังมากขึ้น
“จูเจิ้งถิง!”
“คุณจื่ออี้...เอ่อ...ผมขอโทษครับ”จื่ออี้อมยิ้มให้กับท่าทางงกๆเงิ่นๆของชายหนุ่มที่เขารับติดรถมาด้วย ร่างสูงเหยียบคันเร่งให้รถที่เขาขับพุ่งทะยานไปด้านหน้า หลังจากเห็นสัญญาณไฟจลาจลเปลี่ยนสี
“ช่วยบอกเส้นทางที่พักของคุณด้วยครับ ใจลอยคิดถึงแฟนอยู่เหรอ หึ”พูดขึ้นขณะบังคับพวงมาลัย อีกทั้งยังไม่วายหัวเราะขำขันในลำคอ
 “เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกด้านหน้าครับ...ส่วนเรื่องแฟนผมยังไม่มีสักหน่อย”
“คุณเนี่ยนะโสด เหลือเชื่อสุดๆ”น่าแปลกที่เขารู้สึกดีใจกับคำว่าโสดของอีกฝ่าย จื่ออี้ยิ้มกริ่ม ดวงตาคมเสไปมองซีกหน้าของชายหนุ่มหน้าหวานเล็กน้อย
“เหลือเชื่อพอๆกับ...ที่คุณมีเมียแล้วรึเปล่า”รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อจัดค่อยๆจางหายไป คิ้วเข้มขมวดชิดชนกัน
“ผมแค่ล้อเล่นนะ คุณอย่าทำหน้าจริงจังแบบนั้นสิ”ถือวิสาสะยื่นมือไปแตะที่บ่ากว้าง เจิ้งถิงระบายยิ้มส่งให้ชายหนุ่ม รู้สึกผิดเลยล่ะที่พูดล้อเล่นออกไปแบบนั้น
“...คุณช่วยอะไรผมอย่างสิ”ร่างบางเลิกคิ้ว ฝ่ามือขาวข้างลำตัวบีบกำเข้าหากันด้วยความตื่นเต้น ตากลมสวยจดจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาอย่างเฝ้ารอคำตอบ
“หื้ม...อะไรเหรอ ถ้าผมช่วยคุณได้ ผมยินดีครับ”
 “ถ้าถึงที่พักของคุณแล้ว ชงกาแฟให้ผมดื่มสักแก้วสิ ผมยังไม่อยากกลับบ้านน่ะ ช่วงนี้ผมกับสวีคุน...พวกเราไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ เราทะเลาะกันบ่อยมาก...เกือบจะทุกวันเลยล่ะ แย่จริงผมขอโทษนะครับที่ระบายเรื่องพวกนี้ให้คุณฟัง”
“คุณจะดื่มสักสิบแก้วเลยก็ได้ ถ้าไม่กลัวว่าคืนนี้จะนอนไม่หลับ...ผมจะอยู่ข้างๆคุณเองคุณจื่ออี้ หากว่าคุณมีเรื่องไม่สบายใจ คุณระบายให้ผมฟังได้เสมอนะครับ”
“ขอบใจนะเจิ้งถิง”ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปคือสิ่งที่สมควรหรือไม่ ทว่าเขาก็ทำมันลงไปแล้ว มือบางผละออกจากบ่ากว้าง ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะนำไปวางซ้อนทับที่หลังฝ่ามือบนหน้าขาของชายหนุ่ม จื่ออี้ก้มลงมองมือตนเองที่มีฝ่ามือเรียวสวยวางทาบอยู่ด้านบน ชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ช่วงเวลานี้เขากำลังต้องการใครสักคนที่คอยรับฟังปัญหาของเขา คนที่เขาสามารถไว้ใจได้ และจูเจิ้งถิงก็คือคนๆนั้น... ชายหนุ่มละสายตาจากถนนเบื้องหน้าดวงตาเรียวคมสบประสานสายตากับร่างบาง ทั้งสองระบายยิ้มให้กัน
.
.
.
.
.
“มันดึกแล้ว ยังจะออกไปไหนอีก”เปิดประตูห้องมาเขาก็เห็นสวีคุนกำลังนั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งของอีกฝ่าย จื่ออี้คลายปมเนคไทพลางเลิกคิ้วถาม ค่อนข้างไม่พอใจที่เห็นคนรักสวมใส่เสื้อผ้าในสไตล์ที่เขาไม่ชอบ เอ่ยปากห้ามปรามตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ฟังเขาเลยสักนิด หนำซ้ำยังชอบซื้อเสื้อผ้าที่เว้าหน้าเว้าหลังมาใส่อยู่เรื่อยๆ ร่างสูงประสานสายตากับร่างบางผ่านเงาสะท้อนของกระจก
“นัดเฉิงเฉิงไว้...คืนนี้จะไปดื่มกันที่ผับ”สวีคุนตอบด้วยท่าทางไม่ยี่หระ ขณะปัดบลัชออนสีพีชแต่งแต้มที่โหนกแก้มเพิ่มเติม ปากอิ่มยกยิ้มอย่างพอใจต่อผลงานของตนเอง หลังจากฉีดน้ำหอมราคาแพงที่ลำคอและข้อพับแขนเป็นอันว่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย คนสวยที่วันนี้สวยกว่าปกติสาวเท้าผ่านหน้าร่างสูงไปหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ที่วางแหมะอยู่บนเตียง สวีคุนกดเช็คโทรศัพท์ ก่อนจะพิมพ์แชทส่งกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จนทำให้คนที่กำลังมองการกระทำอยู่ใกล้ๆอดหมั่นไส้ไม่ได้ จื่ออี้เท้าสะเอพร้อมทั้งวางสายตาดุที่ใบหน้าคนรัก
“แน่ใจนะว่านัดเฉิงเฉิง...ไม่ใช่ว่ากำลังจะออกไปเที่ยวกับกิ๊ก ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามแต่งตัวโป๊”ตวัดสายตามองร่างสูงแทบจะทันทีหลังได้ยินประโยคระคายหู นับวันหวังจื่ออี้ยิ่งรู้สึกว่าการเลือกมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกับอีกฝ่าย เป็นเรื่องที่ผิดพลาดสำหรับเขา ชายหนุ่มทอดถอนหายใจยาว ดวงตาคมเต็มเปี่ยมไปด้วยประกายคุกรุ่นจ้องเขม็งที่เสื้อแขนกุดซึ่งเว้าแขนลงไปลึกมาก แค่เมียเขาขยับตัวทีนึงก็ทำให้เห็นเนื้อหนังภายในไปถึงไหนต่อไหน
“นายเป็นผัวนะไม่ใช่ป๊าฉัน ถึงได้มาคอยสั่งอยู่ได้ นับวันยิ่งน่ารำคาญ ถ้าพูดเรื่องดีๆไม่ได้ก็หุบปากไปซะ”สวีคุนถูกมือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือ ร่างสูงจงใจออกแรงกระชากคนที่เถียงเขาคำไม่ตกฟากให้เข้ามาปะทะหน้าอกแกร่ง ก่อนจะตวัดแขนโอบกอดอีกฝ่ายไว้ สวีคุนดิ้นขลุกขลักภายในอ้อมแขนแข็งแรง คนสวยแหงนเงยใบหน้าขึ้นสบตาคนตัวโต ดวงตาสวยดุดันมากขึ้นตามอารมณ์ขุ่นเคืองภายในใจ
“ไม่ไปได้ไหม ฉันอยากกินข้าวกับนาย เราสองคนไม่ได้กินข้าวพร้อมกันมานานแล้วนะ”กระชับเอวบางให้มาแนบชิดร่างกายของเขายิ่งขึ้น จื่ออี้พยายามปรับเปลี่ยนสีหน้าและแววตาให้กลับมาเป็นปกติ ทว่าชายหนุ่มก็ยังไม่สามารถปกปิดอาการไม่พอใจได้จนหมดอยู่ดี สวีคุนเม้มปากเป็นเส้นตรง อาการโกรธกรุ่นเมื่อครู่เริ่มลดระดับลง เมื่อเห็นว่าคนรักพยายามง้อเขาก่อน
 “ฉันเลื่อนนัดไม่ได้จริงๆ...ไม่ใช่ว่าฉันออกไปเที่ยวผับบ่อยเสียหน่อย นายเองก็รู้”
“งั้นเปลี่ยนเสื้อได้ไหมถ้าจะออกไป”ฝ่ามือหนาแนบลงบนพวงแก้มสีระเรื่อ จื่ออี้ใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆที่ผิวเนื้อเนียน ดวงตาคมกวาดมองทุกองค์ประกอบที่ทำให้เขาหลงใหลมาเนิ่นนานหลายปี ช่ายสวีคุนสวยไม่ส่างจริงๆนั่นแหละ ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มจางๆขณะสบตาคนรัก
 “ห่วงไม่เข้าเรื่อง ฉันมีแหวนของนายอยู่บนนิ้วนะ...ฉันรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ฉันไม่เคยคิดที่จะนอกใจนายเลยนะ”โชว์ฝ่ามือข้างซ้ายให้คนตัวโตดู แหวนเพชรน้ำงามไม่ต่ำกว่าห้ากะรัตส่องประกายระยิบระยับยามต้องแสงไฟอยู่บนนิ้วนางของเขา แหวนวงนี้หวังจื่ออี้เป็นคนซื้อให้เขา เสมือนเป็นตัวแทนความรักของอีกฝ่ายที่มีต่อเขา ชายหนุ่มสวมแหวนวงนี้ให้เขาต่อหน้าบิดาของเขา พร้อมทั้งรับปากกับท่านก่อนที่ท่านจะสิ้นใจว่าจะดูแลเขาไปตลอดชีวิต
“เพื่อความสบายใจของฉัน...ทำให้กันได้ไหม ถ้านายยอมเปลี่ยนเสื้อ ฉันจะยอมให้นายออกไปเที่ยว”
“...นายนี่มันจริงๆเลยนะจื่ออี้ ก็ได้...ฉันจะเปลี่ยน”ร่างบางพยักหน้าหงึกหงัก และหลังจากนั้นเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของร่างสูง
 “อย่ากลับดึกล่ะ ถ้ากลับเองไม่ไหวรีบโทรหาฉัน ฉันจะไปรับนายเอง”สายตาเจือความห่วงใยถูกส่งมาให้สวีคุน มือเรียวลูบแผ่นหลังของคนรักเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล
“โอเค ปล่อยได้แล้วจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อ”
“ครับผม”ชายหนุ่มค่อยๆคลายท่อนแขนออกจากเอวคอดบาง ดวงตาคมจับจ้องไปที่แผ่นหลังของร่างบาง ซึ่งกำลังสาวเท้าไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกอาภรณ์ชิ้นใหม่มาสวมใส่ตามคำขอร้องของเขา จื่ออี้วางสะโพกลงบนเตียงนุ่มขณะเฝ้ามองคนรักแต่งตัว สวีคุนนำเสื้อผ้าที่เลือกมาวางทาบตัว พร้อมทั้งหันไปถามเขาความคิดเห็นของคนรักเป็นระยะ กระทั่งร่างบางได้เสื้อผ้าที่ถูกใจทั้งตัวเองและแฟนหนุ่ม
.
.
.
.
.
 เวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง ทว่าช่ายสวีคุนก็ยังไม่กลับเข้ามาเสียที ชายหนุ่มกดเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆแก้เบื่อ เขาพาตัวเองลงมานั่งรออีกฝ่ายที่ด้านล่างตั้งแต่ช่วงสี่ทุ่มแล้วล่ะ เขาทักแชทไปแต่สวีคุนก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับมา และเมื่อลองโทรไปหาอีกฝ่ายก็ปิดเครื่องหนีเขาอีก ที่สำคัญเขาติดต่อฟ่านเฉิงเฉิงไม่ได้ด้วยอีกคน ยิ่งเวลาล่วงเลยมากขึ้นเขายิ่งเป็นห่วงคนทั้งคู่ ชายหนุ่มทำได้แค่นั่งตบยุงรอไปเรื่อยๆ หากสวีคุนกลับมาเมื่อไหร่เขาจะบ่นให้หูชาเลยคอยดูสิ โชคดีที่พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นเช้าไปทำงานเนื่องจากเป็นวันหยุดพักผ่อน อีกทั้งเมื่อช่วงเย็นก่อนขับรถกลับมาที่บ้านเขาได้ดื่มกาแฟฝีมือของจูเจิ้งถิงไปตั้งสองแก้ว แม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว ทว่าเขากลับยังไม่รู้สึกง่วงสักเท่าไหร่
กริ๊งกริ๊ง!!!!!!
จื่ออี้จัดการกดปิดทีวี ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเร็วๆไปที่ประตูรั้วหน้าบ้าน ส่ายหน้าอย่างระอาต่อสภาพของช่ายสวีคุน ดีนะที่ไม่ถูกใครฉุดไปข่มขืน ทั้งๆที่พูดเตือนก่อนอีกฝ่ายจะออกจากบ้านตั้งหลายหน หากกลับเองไม่ไหวให้รีบโทรหาเขา เขาจะขับรถไปรับอีกฝ่ายเอง ร่างสูงก้มลงไขกุญแจ ก่อนจะเลื่อนประตูเหล็กไปอีกฝั่ง จื่ออี้เดินไปหาร่างบางที่กำลังยืนโงนเงนอยู่หน้าบ้าน ถึงจะอยู่ห่างกันไม่กี่ก้าวแต่กลิ่นเหล้าจากตัวคนรักก็ฟุ้งจนเขาต้องนิ่วหน้า บ่งบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายดื่มเข้าไปเยอะแค่ไหน อย่างน้อยคงไม่ต่ำกว่าสามขวดละมั้ง
“ขี่หลังฉัน...รีบขึ้นมาสิ”จื่ออี้ย่อตัวลงต่ำพร้อมทั้งเอ่ยคำสั่ง สวีคุนทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนแผ่นหลังกว้าง ดวงหน้างดงามซบเข้าที่ซอกคอของคนตัวโต สวีคุนปล่อยให้คนรักจัดการพาร่างกายของเขาเข้าไปพักผ่อนภายในตัวบ้านด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น
สวีคุนมารู้สึกตัวอีกทีหลังจากได้รับสัมผัสเย็นชื้นจากผ้าชุบน้ำ ดวงตากลมใสเฝ้ามองการกระทำต่างๆของชายหนุ่มอย่างนิ่งๆ หลังจากเช็ดตัวให้เขาจนเสร็จเรียบร้อย หวังจื่ออี้ก็หาเสื้อผ้าชุดใหม่มาผลัดเปลี่ยนให้เขา ร่างสูงเอื้อมมือไปกดปิดสวิตซ์โคมไฟ จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนข้างๆร่างบาง
“ช่วงนี้ทำไมดื้อนักห๊ะ”ชายหนุ่มสบถด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะที่ดึงผ้าห่มมาห่มให้สวีคุนและตัวของเขาเองในระดับหน้าอก ร่างบางมองชายหนุ่มตาแป๋วท่ามกลางความมืดสลัว ก่อนจะตัดสินใจขยับศีรษะมาหนุนที่ท่อนแขนแกร่งแทนหมอนใบโต สวีคุนพลิกกายนอนตะแคงพลางวาดแขนโอบรอบหน้าอกกำยำของคนตัวโต อีกทั้งยังพยายามขยับกายซุกเข้าหาไออุ่นจากคนรัก จื่ออี้เห็นดังนั้นก็อดเอ็นดูอีกฝ่ายไม่ได้ ชายหนุ่มกดจมูกสูดรับความหอมจากทั้งสองพวงแก้มป่อง จื่ออี้ระบายยิ้มอบอุ่น และวางแขนที่ไม่ได้ใช้งานบนเอวคอด จากนั้นจึงค่อยๆออกแรงกระชับ เพื่อให้ร่างกายของพวกเขาแนบชิดกันกระทั่งไร้พื้นที่ว่าง
“ฉันรักนายนะจื่ออี้”ถ้อยคำหวานถูกกระซิบใกล้ใบหูของร่างสูง คำสารภาพรักของสวีคุนทำให้หัวใจของเขากลับมาพองโตอีกครั้ง ภาพความทรงจำสมัยที่เพิ่งตกลงคบกันเป็นแฟนหวนกลับมาให้คิดถึง เขาจำมันได้ดีเลยล่ะว่าช่วงเวลานั้นเขามีความสุขมากขนาดไหน ความรักหวานชื่นสมัยวัยรุ่นน่ะใครจะลืมมันลงล่ะ จื่ออี้ยิ้มกว้างขณะวางสายตาที่ใบหน้าของคนหลับ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เขาจะดุสวีคุนให้น้อยลงละกัน ถือเป็นรางวัลที่คืนนี้อีกฝ่ายทำให้เขานอนหลับฝันดี
“...ฝันดีนะครับที่รัก”ร่างสูงแนบปลายจมูกลงบนกลุ่มผมสีอ่อนของร่างบาง ไม่ถึงนาทีชายหนุ่มก็ผล็อยหลับตามคนรักไป
.
.
.
.
.
ตือตึ๊ง ตือตึ๊ง
เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะโคมไฟด้วยสติที่ยังคงสะลึมสะลือ จื่ออี้สะบัดศีรษะไล่อาการง่วงงุน ก่อนจะพบว่าโทรศัพท์ที่เขาถืออยู่ไม่ใช่ของตัวเองหากแต่เป็นของช่ายสวีคุน ชายหนุ่มโฟกัสไปที่หน้าจอสี่เหลี่ยมซึ่งมีกล่องข้อความแชททยอยเด้งขึ้นมา และชื่อของคนที่ส่งข้อความมาหาเมียของเขา ก็แทบจะทำให้เขาหายจากอาการง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง เฉินลี่หนง ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางไล่สายตาอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
CLN : เมื่อคืนพี่น่าจะให้ผมขับรถไปส่ง ผมเป็นห่วงพี่มากเลยนะครับ ถ้าพี่ตื่นแล้วรบกวนตอบข้อความของผมด้วยนะ
CLN : พี่คุนผมคิดถึงพี่ เราสองคนจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ครับ
“หึ...นายคิดจะคบชู้เหรอช่ายสวีคุน”เสียแรงที่เขาอุตส่าห์ไว้ใจ แต่กลับถูกโกหกอย่างหน้าด้านๆ จื่ออี้วางโทรศัพท์ของร่างบางไว้บนโต๊ะตามเดิม ชายหนุ่มสลัดผ้าห่มออกไปพ้นตัว ก่อนจะสาวเท้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในตู้ จากนั้นจึงเข้าไปจัดการตัวเองภายในห้องน้ำ
“นายอาบน้ำแล้วเหรอ...ทำข้าวผัดให้กินหน่อยสิ ฉันหิว”เมื่อก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำเขาก็เห็นช่ายสวีคุนกำลังนั่งอยู่บนเตียงในสภาพที่ยังไม่ตื่นดี ผมเผ้าของอีกฝ่ายพันกันยุ่งเหยิง ร่างบางยกมือขึ้นมาป้องปากหาวหลังจากเอ่ยร้องขอบางอย่างจากคนรัก หวังจื่ออี้มองช่ายสวีคุนด้วยสายตาเรียบเฉย ขณะที่ภายในใจของเขาพายุอารมณ์กำลังก่อตัวรุนแรงมากขึ้น ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะละสายตาจากร่างบางเดินไปหยิบมาร์ลโบโร่พร้อมไฟแช็คออกมาจากลิ้นชัก
ชายหนุ่มแสร้งทำทีไม่สนใจต่อสายตาขุ่นมัวของคนรักซึ่งกำลังจดจ้องมาที่เขา จื่ออี้เดินผ่านคนที่กำลังนั่งมองเขาอยู่บนเตียง ช่ายสวีคุนเบะปากเมื่อเห็นท่าทีเมินเฉยเหล่านั้น หวังจื่ออี้ไม่สนใจคำพูดของเขาเลยสักนิด ทั้งยังทำราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ภายในห้องนี้ เขาก็อุตส่าห์พูดดีๆแล้วนะ...นี่เขาไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจอีกล่ะ! ดวงตาสวยตวัดมองร่างสูงซึ่งกำลังสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงผ่านประตูกระจก ช่ายสวีคุนสาวเท้าไปหาชายหนุ่มด้วยความหงุดหงิดใจ มือเรียวดึงม้วนบุหรี่ออกจากริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนจะเขวี้ยงมันทิ้งไปด้านล่าง จื่ออี้มองหน้าคนรักด้วยสายตาวาวโรจน์ ชายหนุ่มกำหมัดแน่นจนเห็นเป็นเส้นเลือดปูดโปนออกมา
“หวังจื่ออี้นายเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ! เมื่อกี้ฉันพูดกับนายดีๆแล้วนะ ทำไมต้องเมินฉันด้วย!”ทุบกำปั้นเข้าที่หน้าอกแกร่งไปหนึ่งครั้ง ดวงตากลมใสเอ่อคลอน้ำตา สวีคุนแหงนเงยใบหน้าขึ้นสบตาคนรักด้วยความรู้สึกน้อยใจ
“นายน่าจะรู้ตัวนะว่าผิดสัญญาอะไร เมื่อคืนไม่ใช่ฟ่านเฉิงเฉิงใช่ไหมที่นายไปหา”ดวงตาสวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ หวังจื่ออี้รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน!  ร่างบางเบือนหน้าหนีสายตาผิดหวังของคนรัก สวีคุนก้มหน้าลงจนเกือบคางชิดอก ฝ่ามืออ่อนแรงที่วางอยู่บนหน้าอกกำยำร่วงหล่นมาที่ข้างลำตัวผู้เป็นเจ้าของตามแรงโน้มถ่วง
 “นายรู้ได้ยังไง”เอ่ยถามเสียงค่อยอย่างรู้สึกผิด หวังจื่ออี้ไม่ชอบเฉินลี่หนง...เรื่องนั้นเขาทราบดี อีกทั้งเขายังเคยรับปากคนรักว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับรุ่นน้องคนนี้อีก และใช่เขาผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้ต่ออีกฝ่าย เรื่องนี้เขาผิดเองแหละ สมัยเรียนมหา’ลัยจื่ออี้และลี่หนงพยายามแย่งกันจีบเขา หัวใจของเขาเอนเอียงมาทางฝั่งจื่ออี้มากกว่า เขาจึงตกลงคบหากับชายหนุ่ม และจำกัดสถานะของเฉินลี่หนงไว้แค่เพียงรุ่นน้องเท่านั้น
จื่ออี้เคยขอร้องให้เขาสัญญาว่าจะไม่ติดต่อกับลี่หนงอีก ในตอนนั้นเขาตกลงรับปากชายหนุ่ม ทว่าเมื่อสามเดือนก่อนลี่หนงทักแชทมาหาเขา ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าลี่หนงไปได้ไอดีของเขามาจากใคร พยายามคาดคั้นถามแล้วแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากเจ้าตัว เขาคิดว่าลี่หนงคงได้ไอดีของเขามาจากเพื่อนสนิทของเขานั่นแหละไม่ใครสักคน แต่ลี่หนงคงกลัวว่าเขาจะทะเลาะกับเพื่อนคนนั้นเลยไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร
ตั้งแต่นั้นมาเขาและเฉินลี่หนงก็ได้ติดต่อกันผ่านโปรแกรมแชทเรื่อยมา หลังจากถูกลี่หนงรบเร้าให้ไปร่วมงานวันเกิดอยู่หลายวัน สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนตอบรับคำเชื้อเชิญของอีกฝ่าย งานวันเกิดของเฉินลี่หนงถูกจัดขึ้นที่ผับหรูแห่งหนึ่ง เมื่อวานจึงถือเป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่เขาได้พบหน้ารุ่นน้องคนนี้อีกครั้ง
“ความลับมันไม่มีในโลกหรอกนะ....โดยเฉพาะเรื่องคาวๆน่ะ”
“หมายความว่ายังไง! ตอบฉันมาสิ!”สวีคุนสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินถ้อยคำดูถูกหลุดออกมาจากปากคนรัก ดวงตาโศกเริ่มเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวตามอารมณ์คุกรุ่นที่ประทุขึ้น
“ตั้งใจแต่งตัวไปยั่วไอ้เชี่ยนั่นซะขนาดนั้น จะให้ฉันคิดเป็นอะไรได้อีกล่ะ...เป็นไงลีลามันถึงใจนายไหม!”ร่างบางกัดฟันกรอดพลางมองหน้าคนรักผ่านม่านน้ำตา ช่ายสวีคุนไม่อาจจะทนฟังวาจาหยาบโลนของหวังจื่ออี้ได้อีกต่อไป มือขาวฟาดเข้าใส่ใบหน้าของร่างสูงเต็มแรง
เพี้ยะ!!!!!
“ความคิดสกปรก! ทุเรศ! หุบปากของนายซะ!”ชี้หน้าคาดโทษชายหนุ่ม เพื่อให้หยุดเอ่ยวาจาที่เขาไม่อยากได้ยิน
“นายต่างหากล่ะที่ทุเรศ...ช่ายสวีคุน ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทนกับนิสัยแย่ๆของนายอีกแล้ว!!”ร่างบางผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว เมื่อร่างสูงจงใจขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ จื่ออี้มองมาที่เขาราวกับไม่เคยรักกัน อีกทั้งยังสาดวาจาถากถางให้เขารู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจมากยิ่งขึ้น
“....ฉันอธิบายเรื่องลี่หนงได้นะ ฟังกันบ้างสิ”สบตาคนรักด้วยความเจ็บปวด พยายามอ้อนวอนผ่านทางสายตาหวังให้อีกฝ่ายรับฟังคำอธิบายจากเขาบ้าง
 “ต่อไปนี้อยากไปเริงร่ากับชู้ของนายที่ไหนก็เชิญ!!”
“ฮึก...หวังจื่ออี้! จื่อ..อี้!!!”สวีคุนมองภาพร่างสูงเดินจากไปทั้งน้ำตา พยายามเปล่งถ้อยคำฉุดรั้งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างกายของเขาคล้ายโดนสาปชั่วขณะให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ ร่างบางมองแผ่นหลังกว้างที่เขาคุ้นเคยตาละห้อย หวังจื่ออี้ไม่แม้แต่จะหันมาเหลียวแลกัน ชายหนุ่มเดินกระแทกเท้าปึงปังออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็ว
ปัง!!!!
ช่ายสวีคุนทรุดกายลงระคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง ได้แต่หวังว่าคนรักจะเปิดประตูกลับเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง....ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นที่เขาหวังไว้
.
.
.
.
.
 “คุณพักอยู่ที่นี่ได้ จนกว่าจะพอใจเลยนะ”หลังจากระเบิดอารมณ์ใส่ช่ายสวีคุนจนพอใจ เขาก็ขับรถตรงมาที่บ้านของจูเจิ้งถิงที่สำคัญเขายังเอ่ยขอร้องอีกฝ่ายเรื่องที่พักอีกต่างหาก มาคิดดูแล้วหากเขาไปรบกวนขอพักอาศัยที่บ้านเพื่อนที่สวีคุนรู้จัก อีกฝ่ายต้องตามมาอาละวาดแน่
“ขอบใจนะเจิ้งถิง...แล้วก็ขอโทษด้วยที่ต้องรบกวน”
“เราเป็นเพื่อนกันนิ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิ งั้นผมขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะ คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”คิ้วที่ถูกกันอย่างสวยงามขยับเลิกขึ้น ใบหน้าสวยหวานประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ขณะสบประสานสายตากับเพื่อนร่วมงานตัวสูง
“....”ชายหนุ่มส่ายหน้าพลางระบายยิ้มบางๆ
“งั้นนั่งดูทีวีรอผมไปพลางๆก่อนละกัน”ร่างบางเสนอไอเดีย
“อื้ม”
“ทุกอย่างจะโอเคเองแหละ ผมเอาใจช่วย”จูเจิ้งถิงส่งประกายตาหวานเชื่อมให้หวังจื่ออี้ ก่อนจะสาวเท้าออกมาจากห้องรับแขกเพื่อไปจัดการปรุงอาหารมื้อเที่ยง ไม่รู้ว่าจะเป็นการเข้าข้างตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า เพราะเขาคิดว่าจูเจิ้งถิงอาจจะกำลังมีใจเขาอยู่นิดๆ ที่สำคัญตอนนี้เขาเองก็กำลังหวั่นไหวต่อความอ่อนโยนและความน่ารักของอีกฝ่ายไม่น้อยเชียวล่ะ
.
.
.
.
.
เพล้ง!!!!!!
“หวังจื่ออี้นายอยู่ที่ไหน!”เกือบสี่วันแล้วที่หวังจื่ออี้ไม่กลับเข้ามาที่บ้าน เขาพยายามติดต่อไปยังเพื่อนของชายหนุ่มที่เขาพอจะรู้จัก ทว่ากลับไม่มีใครทราบเลยว่าตอนนี้หวังจื่ออี้นั้นอยู่ที่ไหน ร่างบางปาแก้วเหล้าในมือทิ้งด้วยความหงุดหงิด เศษแก้วแตกกระจายเกลื่อนไปทั่วพื้นห้องนอน ตั้งแต่ที่คนรักของเขาหายตัวไปเขามักจะพึ่งแอลกอฮอล์เพราะมันสามารถช่วยให้เขาข่มตาหลับได้
“ฮึก...บ้าชะมัด!”
“นายจะเลิกกับฉันเหรอ...ฮรึก ฉันไม่ยอมหรอกนะ!”สวีคุนวางสายตาที่กรอบรูปบนผนัง ซึ่งเป็นรูปที่เขาถ่ายคู่กับหวังจื่ออี้ในวันครบรอบสองปีของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน วันนั้นเขาจำได้ดีเลยล่ะว่าเขาและจื่ออี้มีความสุขกันมากขนาดไหน เราทั้งคู่ทานดินเนอร์ใต้แสงเทียนด้วยกันบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหรู เสียงไวโอลินจากนักดนตรีชื่อดังช่วยขับกล่อมให้บรรยากาศรอบกายยิ่งโรแมนติกมากขึ้น คืนนั้นชายหนุ่มยืนยันคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับบิดาของเขาว่าอีกฝ่ายจะรักและดูแลเขาตลอดไป ดวงตาสวยแดงก่ำทั้งยังเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส สวีคุนจ้องไปที่ใบหน้าของคนรักซึ่งกำลังส่งยิ้มผ่านกรอบรูปมาให้เขา หากว่าตอนนี้หวังจื่ออี้ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆก็คงจะดี
.
.
.
.
.
“ฉันมาตามสามีของฉันกลับบ้าน!”มือเรียวถอดแว่นตาดำออกจากใบหน้า ก่อนจะเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่เขาอุตส่าห์ขับรถดั้นด้นมาถึงที่นี่ ห้าวันเต็มๆที่สามีของเขาไม่ยอมกลับบ้าน ถ้าเขาไม่ได้เบาะแสจากเพื่อนร่วมงานคนนึงของหวังจื่ออี้ ป่านนี้เขาคงจะโง่ไปอีกนาน แล้วถ้าวันนี้หวังจื่ออี้ยังไม่ยอมกลับบ้านไปพร้อมกับเขาละก็ พรุ่งนี้สาบานได้เลยเขาจะไปอาละวาดอีกฝ่ายถึงบริษัท
เจ๊มี่ : น้องคุนใช่ไหมคะ?
CXK : ครับ มีอะไรรึเปล่า?
เจ๊มี่ : พี่ทำงานอยู่แผนกเดียวกับน้องจื่ออี้น่ะค่ะ ได้ข่าวว่าสามีของน้องไม่กลับบ้านหลายวันแล้ว พี่พอจะรู้ค่ะว่าน้องจื่ออี้เขาไปพักอยู่กับใคร แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อยนะคะ ถ้าน้องโอนเงินมาให้พี่ พี่ถึงจะบอกที่อยู่ของคนๆนั้น
CXK : ต้องการเท่าไหร่ว่ามา
“ที่นี่ไม่มีสามีของคุณหรอกนะครับ เชิญคุณกลับไปซะเถอะ”ช่ายสวีคุนแสยะยิ้มร้ายหลังได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะจัดการเลื่อนประตูรั้วไปอีกฝั่งเสียเอง ทว่าจูเจิ้งถิงก็รีบขัดขวางไว้ ก่อนที่แขกไม่ได้รับเชิญจะแทรกกายเข้ามาภายในอาณาเขตของเขาสำเร็จ ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างยื้อแย่งประตูรั้วกัน
 “แกมันหน้าด้าน! รู้ไว้ซะหวังจื่ออี้เขาเป็นของฉันคนเดียว แกไม่มีทางแย่งเขาไปจากฉันได้หรอก!!!”สวีคุนจงใจตะโกนด่าเสียงดังลั่นเพื่อให้คนในละแวกใกล้เคียงพากันเหลียวมอง กระทั่งเจ้าของบ้านเกิดความอับอาย จูเจิ้งถิงมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เมื่อผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างหยุดมุงดูเหตุการณ์ ทั้งยังมองมาที่เขาด้วยสายตารังเกียจ เขาไม่ใช่เมียน้อยของใครนะ คนพวกนั้นกำลังเข้าใจผิด!
 “โอ๊ย!!!! คุณ! ผมไม่อนุญาตให้คุนเข้ามานะ!! คุณ!!!!!”หลังจากเห็นว่าเจิ้งถิงกำลังหวาดกลัวต่อสายตาของผู้คนที่มุงดูกันอยู่ เขารีบใช้จังหวะนี้แทรกกายผ่านประตูรั้วเข้าไปด้านในทันที สวีคุนจงใจผลักเจิ้งถิงจนอีกฝ่ายล้มลงก้นกระแทกพื้น หนำซ้ำยังมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธแค้น ร่างบางรีบสาวเท้าเข้าไปภายในบ้านเพื่อตามหาคนรัก
 “หวังจื่ออี้!!!! ออกมาเดี๋ยวนี้!!!!”ช่ายสวีคุนตะโกนเรียกสามีพร้อมกับสาวเท้าตามหาชายหนุ่มไปรอบๆบ้าน
 “สวีคุน!”และเมื่อเขากำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นสองเพื่อตามหาอีกฝ่าย น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นก็ทำให้เท้าทั้งสองของเขาหยุดการเคลื่อนไหว หวังจื่ออี้กำลังเดินลงบันไดมาหาเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าของผู้บุกรุกอย่างไม่พอใจ
“แอบมากกชู้อยู่ที่บ้านหลังนี้จริงๆด้วย!”พูดขึ้นเมื่อหวังจื่ออี้เดินมาหยุดประจันหน้ากับเขา
“นายมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยนะ เจิ้งถิงโทรแจ้งตำรวจ!”เหลียวไปมองจูเจิ้งถิงที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา ก่อนจะหันกลับมาประสานสายตากับคนตัวโตอีกครั้ง
“จะดีเหรอ...นั่นเมียคุณนะ”
“ทำตามที่ผมบอกเถอะ ออกไปจากที่นี่ซะถ้านายไม่อยากโดนตำรวจจับ!”เจ้าของบ้านมีสีหน้าลังเล เจิ้งถิงกำโทรศัพท์ในมือแน่นระคนคิดหนัก เมื่อเห็นหวังจื่ออี้พยักหน้าส่งมาให้เขาด้วยสายตามั่นคง เขาจึงเดินเลี่ยงไปที่มุมห้องและตัดสินใจโทรหาตำรวจ ทุกถ้อยคำที่ได้ยินมันยิ่งสร้างบาดแผลภายในใจ ลูกแก้วกลมโตเจือหยาดน้ำสั่นระริกขณะมองไปที่ใบหน้าของคนรัก
 “ฉันจะออกไปจากบ้านหลังนี้ ต่อเมื่อนายกลับไปกับฉัน...จื่ออี้นายไม่รักฉันแล้วเหรอ จื่ออี้ฉันคิดถึงนายนะ ฮึกๆ กลับไปบ้านของเราเถอะนะจื่ออี้ ฮรึก”เอื้อมไปคว้ามือของคนรักมากอบกุม สวีคุนเอ่ยขอร้องชายหนุ่มทั้งน้ำตาคลอเบ้า
“เลิกบีบน้ำตาสักทีเถอะ ฉันไม่อยากทนกับนิสัยแย่ๆของนายอีกแล้วช่ายสวีคุน เราสองคน...คงมาไกลได้แค่นี้ เพราะงั้นเลิกกันเถอะ”ชายหนุ่มใช้มือข้างที่ว่างดึงมือเรียวให้หลุดออกไป ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธสิ่งที่กำลังเห็นและคำพูดที่ได้ยินจากคนรัก ช่ายสวีคุนปวดร้าวไปทั้งหัวใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าหวังจื่ออี้จะกล้าพูดคำว่า เลิกกัน ออกมา ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าตัวเขากำลังจะขาดใจตายยังไงยังงั้น
“ฮรึก...ฉันไม่อยากเลิกกับนาย ฉันรักนาย...ฉันรักนายคนเดียวนะจื่ออี้ เรื่องลี่หนงฉันอธิบายได้นะ ฉันไม่เคยคิดนอกใจนายเลยสักครั้ง ฮึก...ฮื่อ นายลืมคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับป๊าหมดแล้วเหรอ”ร่างบางโถมกายเข้ากอดคนรัก สวีคุนใช้ทั้งสองแขนโอบรัดร่างกายของชายหนุ่ม ใบหน้าเปื้อนน้ำตาแนบลงบนอกอุ่นที่แสนคิดถึง เขาจะยอมทำทุกอย่าง...ขอแค่หวังจื่ออี้กลับมารักเขาเหมือนเดิม
“ฉันจะไปขอโทษท่านที่สุสาน...นายยอมรับความจริงเถอะ ความรักของเรามันถึงทางตันแล้ว”สวีคุนเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูง หยาดน้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาจากดวงตาสวยราวกับเขื่อนแตก ร่างบางค่อยๆก้าวเท้าถอยห่างจากคนรัก ขณะที่ดวงตาแดงก่ำแข็งกร้าวขึ้น
“เพราะมันใช่ไหมที่ทำให้นายเปลี่ยนไป!!!”สวีคุนหันไปมองเจิ้งถิงราวกับจะกินเลือดเนื้อ ร่างบางจัดการกวาดจานชามบนโต๊ะอาหารทิ้ง สวีคุนมองมื้ออาหารเย็นระหว่างเจิ้งถิงและจื่ออี้ที่หกกระจายเต็มพื้นด้วยสายตาหงุดหงิด มือเรียวเอื้อมไปหยิบแจกันใกล้ตัว ก่อนจะเขวี้ยงไปที่เจ้าของบ้าน สวีคุนยกยิ้มสะใจ หลังจากเห็นเศษกระเบื้องกระเด็นบาดหลังมือของอีกฝ่าย เลือดสีแดงสดไหลอาบไปทั่วฝ่ามือขาว จูเจิ้งถิงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าสวยหวานซีดเผือดลงถนัดตา
เพล้ง!!!!!!!!
“เลิกทำอะไรบ้าๆสักที!!! พอ!!!!”ร่างสูงตวาดใส่หน้าคนเจ้าอารมณ์ด้วยความเหลืออด ก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไปดูอาการของจูเจิ้งถิง ชายหนุ่มใช้ผ้าสะอาดพันรอบบาดแผลของอีกฝ่ายเพื่อห้ามเลือดไว้          
โครม!!!!!!!
“ฉันจะหยุดก็ต่อเมื่อนายยอมกลับบ้านของเรา!!!!”จื่ออี้ตวัดสายตาไปมองวัตถุขนาดใหญ่ที่ตกลงมากระแทกพื้นเสียงดังสนั่น ชายหนุ่มกัดฟันกรอดจนสันกรามขึ้นเป็นรอยนูน หากเขาจะต้องกลับไปกับช่ายสวีคุน เขาคงกลับไปแค่ร่างกายเท่านั้นแหละ
บ้านของเพื่อนร่วมงานเละเพราะฝีมือเมียเขาซะขนาดนี้ เขาไม่หน้าด้านพอที่จะรบกวนอีกฝ่ายอีกแล้วล่ะ แย่จริงๆที่ตัวเขาสร้างความเดือดร้อนให้แก่จูเจิ้งถิงจนได้ เขาไม่น่ารบกวนเรื่องที่พักกับอีกฝ่ายเลย กว่าตำรวจจะมาถึงช่ายสวีคุนก็ขับรถออกไปจากบ้านหลังนี้แล้ว ที่สำคัญจูเจิ้งถิงไม่ได้ติดใจเอาความเมียของเขา หลังจากพาอีกฝ่ายไปทำแผลที่คลินิก เขาก็อาสาทำความสะอาดบ้านให้อีกฝ่ายด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่อข้าวของที่พังเสียหายทั้งหมด จื่ออี้คะยั้นคะยอให้เจิ้งถิงรับเงินจากเขาไป เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยชายหนุ่มจึงขับรถกลับไปที่บ้านของเขาตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับช่ายสวีคุน
.
.
.
.
.
“ฉันจะปรับปรุงตัวเพื่อนายนะจื่ออี้ ให้โอกาสฉันนะ”ร่างบางขยับกายสวมกอดคนตัวโตจากทางด้านหลัง วันนี้เขายอมรับว่าเขาทำตัวแย่มาก ตัวเขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว หึ...ทำเรื่องไม่ดีแบบนั้นลงไปก็เพราะอยากยื้ออีกฝ่ายไว้ หลังจากที่เขาคว่ำโต๊ะอาหารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนรัก
จื่ออี้สั่งให้เขาเดินทางกลับมาที่บ้าน โดยชายหนุ่มสัญญาจะขับรถตามมาทีหลังเมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และหากเขาไม่ยอมทำตามคำสั่งเหล่านั้น อีกฝ่ายยื่นคำขาดว่าจะเลิกกับเขาจริงๆ เขาเฝ้ารอคอยคนรักอยู่หลายชั่วโมง และในที่สุดชายหนุ่มก็กลับเข้ามาที่บ้านของพวกเราตามสัญญา ทว่าจนถึงตอนนี้หวังจื่ออี้นั้นยังไม่ยอมปริปากพูดกับเขาเลยสักคำ
 “...”
 “ไม่มีนายฉันเหงามากเลย...ฉันทรมานแทบขาดใจ ฮึก...ขอโทษนะจื่ออี้ ฉันจะไม่ทำนิสัยแย่ๆกับนายอีก ฉันขาดนายไม่ได้จื่ออี้....ฮึกๆ”ตัวเขาเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่กำลังหวงของเล่น ทว่าของเล่นที่เขากำลังจะโดนคนอื่นพรากไป ไม่ใช่ของเล่นธรรมดาทั่วไปที่จะหาซื้อใหม่ได้ ของเล่นชิ้นนี้สำคัญมากเหลือเกินต่อชีวิตของเขา ที่สำคัญมันมีแค่เพียงชิ้นเดียวในโลกใบนี้
“...เงียบสักที รำคาญ”อยากทดสอบความอดทนของช่ายสวีคุนเหมือนกันว่าจะสามารถอดทนกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของเขาได้สักกี่น้ำ ก่นด่าออกไปด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด ชายหนุ่มปิดเปลือกตาลง และพยายามเมินเฉยต่อเสียงสะอื้นร่ำไห้ของร่างบางที่นอนอยู่ข้างๆ
“....ฮรึก ฮื่อ”
.
.
.
.
.
“อาหารพวกนี้ไม่ใช่ฝีมือของคุณป้าใช่ไหมครับ”หญิงสาววัยกลางคนพยักหน้าด้วยท่าทางอ่อนน้อม ก่อนจะหันไปส่งสายตามองกับช่ายสวีคุนอย่างมีพิรุธ
 “ฉันทำเองแหละ...นายลองชิมดูหน่อยสิ อย่าให้ฉันต้องเสียน้ำใจเลยนะ”ร่างสูงหัวเราะในลำคอ ที่เขารู้ว่าไม่ใช่ฝีมือของป้าแม่บ้านก็เพราะหน้าตาอาหารที่มันแย่เอามากๆยังไงล่ะ อีกทั้งสีสันต์ยังไม่น่ากินสุดๆ กว่าหนึ่งเดือนเต็มๆที่เขาทำเมินเฉยต่อช่ายสวีคุน ในหนึ่งวันแทบจะนับประโยคที่เขาใช้พูดคุยกับอีกฝ่ายได้เลยล่ะ ชายหนุ่มลองตักผัดผักมาชิมดู สวีคุนจ้องมองคนรักดวงตาเป็นประกาย แต่ไม่นานนักชายหนุ่มก็รีบคายอาหารในปากทิ้งลงถังขยะ จื่ออี้จงใจพรากรอยยิ้มให้จางหายไปจากใบหน้างดงาม ร่างสูงยิ้มกริ่มภายในใจ หลังได้เห็นสีหน้าเศร้าหมองของร่างบาง ความจริงแล้วรสชาติอาหารนั้นไม่ได้แย่อะไรนักแต่เพราะเขาอยากแกล้งช่ายสวีคุนมากกว่า
 “คุณป้าครับ รบกวนช่วยเวฟอาหารแช่แข็งให้ผมหน่อย อาหารบนโต๊ะพวกนี้ใครอยากจะกินก็กินไปเถอะ แต่ผมกินไม่ลง”หวังจื่ออี้จงใจแกล้งเขาชัดๆทำไมเขาจะดูไม่ออก อาหารพวกนี้เขากับป้าลีลองชิมกันแล้ว รสชาติมันก็ใช้ได้ในระดับนึง ที่สำคัญเขาลองฝึกทำเป็นสิบๆครั้งเลยนะกว่าจะกล้าเอาขึ้นโต๊ะให้อีกฝ่ายทาน
หลังจากที่ทะเลาะกันครั้งนั้นเขาได้ปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนรักแทบจะทุกอย่าง เมื่อก่อนน้อยครั้งที่เขาและจื่ออี้จะทานข้าวเย็นร่วมโต๊ะกัน ส่วนใหญ่เขาจะทานก่อนชายหนุ่ม เนื่องจากหวังจื่ออี้เลิกงานไม่เป็นเวลา แต่ตอนนี้เขาเลือกที่จะนั่งรออีกฝ่ายกลับมาจากทำงานเพื่อจะได้ทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันทุกวัน และจากที่ไม่เคยทำงานบ้านเลยตอนนี้เขาก็กำลังพยายามหัดเรียนรู้
“ได้ค่ะคุณจื่ออี้ รอสักครู่นะคะ อ้าว!คุณหนูจะไปไหนคะ ยังไม่ได้ทานข้าวเลยนะ”ร่างบางลุกออกมาจากโต๊ะอาหาร ช่ายสวีคุนรู้สึกว่ามื้อนี้คงจะทานอะไรไม่ลงเสียแล้ว
“ผมทานอะไรไม่ลงแล้วล่ะ...อยากขึ้นไปนอนพักมากกว่า”
 “ปล่อยเขาไปเถอะครับป้าลี...ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอกอยากอวดเก่งดีนัก”สวีคุนพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ของตนเองเอาไว้ขณะก้าวเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ทุกคำพูดที่ได้ยินมันยิ่งตอกย้ำว่าหวังจื่ออี้หมดรักเขาแล้วจริงๆ
“เดี๋ยวก่อนครับคุณป้า”หลังจากเห็นว่าช่ายสวีคุนขึ้นไปยังชั้นบนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มรีบเปล่งเสียงเรียกคุณป้าแม่บ้านไว้ก่อนที่หล่อนจะก้าวเท้าพ้นกรอบประตูห้องครัว
 “คะ?”หญิงวัยกลางคนหมุนตัวกลับมารอรับคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม
“ช่วยเอานมกับขนมปังไปให้สวีคุนเขาบนห้องด้วยนะครับ อ้อ...แล้วไม่ต้องบอกเขานะว่าผมไหว้วานคุณป้า ส่วนอาหารแช่แข็งคุณป้าไม่ต้องเวฟให้ผมแล้วนะ ผมจะทานอาหารบนโต๊ะ”
 “ได้ค่ะ คุณจื่ออี้”
.
.
.
.
.
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนเขาก็พบว่าช่ายสวีคุนนั้นหลับปุ๋ยไปแล้ว ดวงตาคมหันไปสะดุดแก้วนมและจานขนมที่ภายในแทบจะไม่หลงเหลือเศษซากอารยธรรม ร่างสูงคลี่ยิ้มส่งให้คนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง หึ...พอกินอิ่มก็นอนหลับเลยสินะ หวังจื่ออี้สาวเท้าไปหยิบชุดนอนที่ถูกแขวนไว้ด้านหน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวภายในห้องน้ำ
ชายหนุ่มก้าวเท้าลงไปแช่น้ำในอ่างซึ่งมีอุณหภูมิอุ่นร้อนกำลังพอดี หวังจื่ออี้ขบคิดเรื่องราวต่างๆในขณะที่ร่างกายของเขากำลังผ่อนคลาย ตอนนี้เหมือนว่าช่ายสวีคุนจะกลายเป็นแม่บ้านของเขาเต็มตัว อีกฝ่ายทั้งทำอาหารจัดเตรียมเสื้อผ้าแถมยังเตรียมน้ำอุ่นให้เขาอาบ ความจริงเขาหายโกรธอีกฝ่ายตั้งนานแล้วล่ะ แต่ที่ยังแกล้งทำทีเมินเฉยต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย เพราะเขาต้องการให้ช่ายสวีคุนรู้จักหลาบจำต่อการกระทำในหลายๆเรื่องของตนเอง
ตัวเขาไม่ใช่ว่าจะไม่มีส่วนผิด เขาทั้งเคยคิดจะนอกใจ แถมหลายๆครั้งเขามักหลุดคำพูดที่ทำให้สวีคุนต้องเจ็บช้ำ ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในจุดที่เขาพึงพอใจ คงอีกไม่นานแล้วล่ะที่เขาจะเลิกเย็นชากับเมียของตัวเองและกลับไปทำหน้าที่ของสามีที่ดี
.
.
.
.
.
“ทีหน้าทีหลังไม่ต้องเข้ามายุ่งในห้องทำงานของฉันอีก!”ชายหนุ่มหัวเสียไม่น้อย หลังจากค้นหาเอกสารสำคัญบนโต๊ะทำงานไม่เจอ จื่ออี้ได้เรียกคุณป้าแม่บ้านมาสอบถาม ชายหนุ่มจึงได้ทราบว่าเมื่อตอนเที่ยงช่ายสวีคุนได้เข้ามาทำความสะอาดภายในห้องทำงานของเขา จื่ออี้สั่งให้คุณป้าแม่บ้านลงไปตามตัวต้นเหตุขึ้นมาพบเขา
 “ฉันขอโทษ...ตอนนั้นฉันเห็นมันตกอยู่ที่พื้น แถมยังยับเสียขนาดนั้น ฉันก็เลย...”ใบหน้างดงามแสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ริมฝีปากอิ่มอ้าค้าง ถ้อยคำที่เหลือถูกกลืนลงคอ หลังจากที่เขาโดนหวังจื่ออี้ขึ้นเสียงใส่        
“เอามันไปทิ้ง!!! หึ”
“ฉันจะลงไปหาให้นายเดี๋ยวนี้แหละ”
“ดึกป่านนี้เนี่ยนะ”ชายหนุ่มหรี่ตาดุ เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินนัก เพราะหากสวีคุนพูดออกมาแบบนี้ นั่นเท่ากับว่าอีกฝ่ายจะลงไปคุ้ยถังขยะเพื่อหาเอกสารให้เขา
“ก็มันเป็นเอกสารสำคัญของนายนิ...ฉันจะรับผิดชอบ”สวีคุนรับปากคนรักด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้อง ชายหนุ่มพรูลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจนึงสั่งให้เขาวิ่งเข้าไปสวมกอดคนรัก พร้อมทั้งเอ่ยห้ามปรามอีกฝ่าย เพราะภาพที่เห็น ณ ตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก ส่วนอีกใจมันบังคับให้เขายืนนิ่งๆอยู่กับที่และเฝ้ามองอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
สวีคุนหายออกไปจากบ้านตั้งแต่ช่วงสองทุ่ม กระทั่งเวลาล่วงเลยเกือบจะเที่ยงคืนอีกฝ่ายก็ยังไม่กลับเข้ามา สุดท้ายเขาต้องออกตามหาอีกฝ่ายเนื่องจากไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ และจุดทิ้งขยะของหมู่บ้านคือตัวเลือกเดียวของเขา    
“ช่ายสวีคุน กลับบ้านกันเถอะ”หันไปมองด้วยความตกใจ ดวงตาสวยหยีจนเกือบจะพับปิด หลังจากโดนแสงไฟจากกระบอกไฟฉายที่อยู่ในมือของร่างสูงสาดมาโดนใบหน้าของเขาจังๆ
“นายกลับไปเหอะจื่ออี้...ฉันยังหาเอกสารของนายไม่เจอ”แอบดีใจไม่น้อยที่คนรักมาตามเขากลับบ้าน ทว่ายังเหลือถุงขยะอีกตั้งยี่สิบกว่าถุงที่เขายังไม่ได้ลงมือค้นหา ที่สำคัญเขาต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะเกรงว่าอีกไม่นานรถขยะจะมาทำการเก็บกวาดพื้นที่โดยรอบ หากเป็นเช่นนั้นเขาก็หาเอกสารของหวังจื่ออี้ไม่เจอกันพอดีนะสิ
สวีคุนเช็ดเหงื่อที่ผุดพรายไปทั่วใบหน้าด้วยหลังมืออย่างลวกๆ เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ร่างบางสวมใส่อยู่ตอนนี้เหม็นฟุ้งไปด้วยกลิ่นขยะ มือเรียวทั้งสองข้างเร่งคุ้ยหาเอกสารภายในถุงดำใบใหญ่ โดยอาศัยแสงสว่างที่มีอยู่น้อยนิดจากเสาไฟข้างถนนในการมองหา กลิ่นเหม็นบูดจากเศษอาหารด้านใน ทำให้คนตัวบางต้องนิ่วหน้าพลางกลั้นหายใจ
 “จื่ออี้!...นี่ใช่เอกสารของนายรึเปล่า”ร่างสูงรีบสาวเท้าไปพิจารณาดู ในที่สุดก็เจอจนได้สินะ... จริงๆเอกสารพวกนี้มันสามารถทำขึ้นมาใหม่ได้แต่ต้องใช้เวลาราวๆสามถึงสี่วัน ซึ่งเขาตัดใจไปแล้วด้วยซ้ำว่าคงต้องได้ทำใหม่แน่ๆ ชายหนุ่มระบายยิ้มก่อนจะพยักหน้าให้ร่างบาง
“ขอบใจนะ”กลีบปากอิ่มคลี่ออกกว้างจนเห็นฟันขาว สวีคุนตั้งใจจะโถมกายเข้ากอดคนตัวโต ทว่าชายหนุ่มกลับก้าวเท้าถอยไปด้านหลัง ดวงตากลมโตมองค้อนคนรัก
“ฉันอาบน้ำก่อนก็ได้ ชิส์!”
 “...หึ”จื่ออี้เอื้อมไปจับมือเรียว ชายหนุ่มจูงมือช่ายสวีคุนกลับมาที่บ้าน โดยใช้แสงสว่างจากไฟฉายที่เขาพกติดตัวมาด้วยส่องนำทาง ตลอดระยะทางที่ก้าวเดินทั้งสองไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา แต่สวีคุนกลับไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวแม้แต่น้อย อีกทั้งแรงกระชับที่ฝ่ามือของเขาก็ทำให้เขาสามารถอมยิ้มได้ตลอดทาง
หนึ่งเดือนเต็มๆที่คนรักหมางเมินใส่เขา วันนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบวันที่อีกฝ่ายแตะเนื้อต้องตัวเขาก่อน แถมวันนี้หวังจื่ออี้ยังยิ้มให้เขาอีกด้วย พวงแก้มขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อทีละนิด ขณะลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของคนรัก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
end
.......................
ไม่เคยแต่งosที่ยาวมากขนาดนี้มาก่อน 😂
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เสียทองเท่าหัวแต่ช่ายสวีคุนจะไม่ยอมเสียหวังจื่ออี้ให้ใคร 555555 ล้อเล่น เราพยายามเอาหลายๆอย่างของปัญหาชีวิตคู่มายำใส่ในosเรื่องนี้ สุดท้ายแล้วพี่จื่อก็ต้องยอมใจอ่อนให้น้องคุน น้องก็ได้บทเรียนไป
ขอบคุณมากๆนะคะที่สั่งจองหนังสือ #เปื้อนจื่อคุน จริงๆเราถอดใจจะไม่แต่งต่อแล้ว แต่เมื่อมีคนสั่งจองเข้ามา เราจะพยายามทำเล่มให้ออกมาดีที่สุด กำหนดโอนคือ วันนี้-20/08/61 ค่ะ 🙏 รายละเอียดอื่นๆจะอยู่ในตอนที่เคยแถลงการณ์ฮับ 😊
ส่วนใครจะอยากสั่งซื้อเพิ่มเติม 🙂 อ่านรายละเอียดในตอนแถลงการณ์เลยจ้า (ซื้อเถอะอยากขายจริงๆ😅)
บ่นกันได้ในแท็ก #จื่อคุนรหัสแดง 😁
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ต่างๆด้วยค่ะ ใครอยากให้เราแต่งosแนวไหนก็บอกกันได้นะ เราจะพิจารณาฮับ 🤔

เมียเช่า (OS)




#จื่อคุนรหัสแดง

ไม่บ่อยนักที่เขาจะย่างกรายเข้ามาในสถานที่อโคจรแห่งนี้ หากไม่รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตจริงๆเขาก็คงไม่มาที่นี่หรอก จำได้ว่าครั้งล่าสุดคือเมื่อสามเดือนก่อน ครั้งนั้นเขามากับเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน ทว่าครั้งนี้เขามาที่นี่เพียงคนเดียว คืนนี้เขาอยากดื่มให้กับชีวิตเฮงซวยของเขา จู่ๆแฟนที่คบกันมาตั้งหลายปีกลับมาบอกเลิกเขาเพื่อไปหาผู้ชายอีกคนที่รวยกว่า แพลนงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้าจึงมีอันต้องยกเลิกไปโดยปริยาย
นับตั้งแต่วันที่ผู้หญิงคนนั้นบอกเลิกเขา เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำงานอีกเลย ซึ่งเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์เข้าไปแล้ว ดวงตาคมจ้องมองไปยังกลุ่มคนหนุ่มสาวมากหน้าหลายตาที่กำลังเต้นเบียดเสียดกันอยู่กลางฟลอร์ ชายหนุ่มยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่ม ริมฝีปากสีคล้ำจากการสูบบุหรี่จัดยกยิ้มมุมปาก เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีคนนึง ซึ่งนั่งห่างจากเขาไปเพียงไม่กี่โต๊ะ เธอยกแก้วเหล้าขึ้นพลางส่งยิ้มยั่วยวน หวังจื่ออี้ชูแก้วเหล้าในมือก่อนจะส่งยิ้มทักทายเธอ บางทีคืนนี้เขาอาจจะไม่ต้องเหงาเหมือนอย่างค่ำคืนที่ผ่านๆมา
ร่างสูงผุดกายลุกจากเก้าอี้โดยตั้งใจจะสาวเท้าไปหาหญิงสาวที่เขาหมายตาไว้ ทว่าเสียงๆนึงที่เขาคุ้นเคยตะโกนขัดขึ้นซะก่อน หวังจื่ออี้หันใบหน้าไปมองตามเสียงเรียก ก่อนจะต้องกลั้นหายใจไปชั่วขณะเพราะกลิ่นน้ำหอมที่ฉุนจัด ผู้เป็นเจ้าของน้ำหอมเร่งสาวเท้ามาหาเขา
“จื่ออี้!!!!”
 “เจ๊โจวรุ่ย...มีอะไรเหรอ”จำต้องล้มตัวลงนั่งที่เดิม เมื่อเจ้าของผับเหมือนจะมีเรื่องอยากพูดคุยกับเขา ชายที่มีใบหน้าสะสวยคล้ายคลึงหญิงสาวย้อมผมบลอนด์เทาทั้งยังมัดรวบไว้อย่างสวยงามล้มตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มรุ่นน้อง โจวรุ่ยระบายยิ้มส่งให้หวังจื่ออี้อย่างเป็นมิตร
“ได้ข่าวว่างานแต่งถูกยกเลิก”ทั้งสองคนรู้จักกันได้เพราะเมื่อก่อนเคยเรียนโรงเรียนมัธยมที่เดียวกัน ที่สำคัญยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไปโจวรุ่ยได้ผันตัวเองเข้ามาในธุรกิจมืดอย่างเต็มตัวเพราะครอบครัวเคยทำซ่องและบ่อนการพนันมาก่อน และที่ต้องหยุดพักกิจการไปเนื่องจากผู้เป็นแม่ล้มป่วยหนัก ปัจจุบันชายหนุ่มได้เข้ามาสานต่อกิจการโดยเปิดผับที่มีฉากหลังเป็นธุรกิจขายบริการย่างเข้าปีที่สี่แล้วล่ะ กลับกันกับรุ่นน้องหนุ่มหวังจื่ออี้ใช้ชีวิตบนหนทางขาวสะอาดและแทบจะไม่เคยมีจุดด่างพร้อยใดๆในชีวิต ชายหนุ่มร่างเล็กเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบพลางรินเหล้าบนโต๊ะดื่ม
“ใช่เจ๊มันถูกยกเลิกไปแล้ว เพราะผมมันรวยสู้ผู้ชายใหม่ของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้”สีหน้าของหวังจื่ออี้กลัดกลุ้มมากขึ้นเมื่อต้องพูดถึงอดีตคนรัก
 “เฮ้อย่าไปเครียดนักสิ...ไม่ตายก็หาใหม่ได้เมียน่ะ นายหล่อออกจะตายไปเดี๋ยวคงได้เจอคนถูกใจใหม่เชื่อเจ๊”โจวรุ่ยมีบุคลิกตุ้งติ้งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อีกทั้งเมื่อยิ่งโตขึ้นจนก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่บุคลิกของอีกฝ่ายนั้นก็ยิ่งแสดงออกชัดเจนว่าคงอยากเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งเขาไม่เคยคิดรังเกียจรุ่นพี่คนนี้เลยแม้แต่น้อย
“ว่าแต่เจ๊ไม่ไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นเหรอ”ดวงตาเรียวคมกวาดมองไปรอบๆผับที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คน
 “ฉันอยากคุยกับแกไม่ได้รึไง หรือว่าแกรังเกียจฉันแล้ว”ร่างสูงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะยกยิ้มและจัดการรินเหล้าใส่แก้วของรุ่นพี่กึ่งชายกึ่งหญิงเพื่อเอาใจอีกฝ่าย
  “ผมไม่เคยรังเกียจเจ๊เลยนะ ไม่มีเจ๊ชีวิตผมคงจะเหงาและน่าเบื่อมากกว่าตอนนี้เยอะ ดื่มอีกแก้วสิ”ชายหนุ่มคะยั้นคะยอด้วยสีที่สดใสมากขึ้น
 “ขอบใจย่ะ พูดถึงเรื่องแฟนใหม่นายสนใจเด็กใหม่ฉันไหม เอาไปเป็นคู่นอนแก้เบื่อสักอาทิตย์สิ ฉันยังไม่อยากขายเด็กมันให้คนอื่น ถึงเด็กมันจะไม่ซิงแล้วแต่รับรองว่านายต้องถูกใจมากเชียวล่ะ ช่ายสวีคุนเพิ่งเริ่มงานที่ผับฉันวันนี้วันแรก หน้าตาน่ารักแถมรูปร่างยังไร้ที่ติ นายไม่สนใจหน่อยเหรอ”
“ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะเจ๊น่าจะรู้ ถ้าเป็นผู้หญิง...ไม่แน่ว่าอาจจะตกลงซื้อ”
 “นู่นไงเสิร์ฟเหล้าอยู่โต๊ะนั้นพอดี เป็นไงล่ะอยากเปลี่ยนใจไหม ถ้าคืนนี้นายไม่ซื้อ...พวกเสี่ยๆคงติดต่อขอซื้อกับฉันแน่ๆ”โจวรุ่ยชี้มือชี้ไม้ไปที่ช่ายสวีคุนซึ่งกำลังเสิร์ฟเครื่องดื่มอยู่บริเวณโต๊ะใกล้ๆ ร่างบางเมื่อเห็นว่ามีสายตาสองคู่กำลังจ้องมองมาแถมหนึ่งในนั้นยังเป็นเจ้านายของเขา สวีคุนระบายยิ้มพร้อมทั้งค้อมศีรษะเล็กน้อยทักทายบุคคลทั้งสองตามมารยาท ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นเพราะในเวลาต่อมาเจ้านายได้กวักมือเรียกเขาให้ไปหาที่โต๊ะ ช่ายสวีคุนสาวเท้าไปหาโจวรุ่ยอย่างว่าง่าย คนตัวบางนำถาดทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมากอดแนบอกด้วยความรู้สึกประหม่ากลัว
 “สนใจไหมจื่ออี้ ฉันให้โอกาสนายอีกครั้ง”ชายสองเพศแสยะยิ้มพอใจ หลังจากได้เห็นปฏิกิริยาของหวังจื่ออี้ที่เหมือนจะถูกตาต้องใจเด็กคนใหม่ของเขาอยู่ไม่น้อย หึ...สมัยนี้น่ะเขาไม่ยึดติดเรื่องเพศสภาพกันแล้ว เชอะ! 
เขาตั้งใจจะปั้นช่ายสวีคุนให้ขึ้นเป็นตัวท็อปของผับเพราะทั้งผิวพรรณและหน้าตาไม่มีใครในที่นี้จะสวยเท่าช่ายสวีคุนอีกแล้ว เด็กคนนี้หากมองจากภายนอกใครหลายๆคนคงคิดว่าเป็นลูกหลานของเหล่าคุณหญิงคุณนายทั้งนั้นแหละ ขนาดเขาเองครั้งแรกที่ได้เจอช่ายสวีคุนเขายังแอบคิดเลยว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นลูกคุณหนูตกยากอะไรทำนองนั้น ทว่าเมื่อได้ซักไซ้ไล่เลียงประวัติ อีกฝ่ายกลับเป็นเพียงแค่เด็กที่เติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกทั้งยังมีฐานะยากจน
“นายชื่อช่ายสวีคุนเหรอ”
“เอ่อ...ครับ”ร่างบางก้มหน้าหลบสายตาชายหนุ่ม หวังจื่ออี้ไล่สายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า เด็กคนนี้ท่าทางจะอายุน้อยกว่าเขาอยู่หลายปีเลยล่ะ ตั้งแต่เกิดมาจนอายุครบยี่สิบห้าเขาไม่เคยมีความคิดที่อยากจะมีเซ็กส์กับผู้ชายเลยสักครั้งกระทั่งมาเจอเด็กคนนี้
 “หมื่นหยวนขาดตัวสำหรับเวลาหนึ่งอาทิตย์ ถ้าเป็นคนอื่นฉันคิดสองหมื่นเลยนะ สำหรับนายฉันลดให้ ว่าไงจะซื้อไม่ซื้อมองเด็กฉันอยู่ได้ แค่มองน่ะมันไม่ทำให้นายเสร็จหรอกนะหวังจื่ออี้”ชายหนุ่มละสายตาจากใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อของช่ายสวีคุนมาสบตากับรุ่นพี่หน้าหวาน
  “ถึงอย่างนั้นก็ยังแพงสำหรับผมมากอยู่ดีแหละเจ๊”คิ้วเข้มขมวดชิดชนกันหลังจากคำนวณวงเงินในบัตรเครดิต เนื่องจากค่าตัวของช่ายสวีคุนนั้นพอๆกับค่าใช้จ่ายเกือบทั้งเดือนของเขา แต่เด็กคนนี้ก็ถูกใจเขามากเหลือเกิน หวังจื่ออี้ขบคิดอย่างลังเลใจ
“กลับไปทำงานของนายต่อซะ เพราะรุ่นน้องของฉันเขาไม่อยากได้นายขึ้นเตียง”โจวรุ่ยโบกมือไล่ด้วยสีหน้าเซ็งๆ คนตัวเล็กยกเหล้าขึ้นดื่มหวังดับอารมณ์หงุดหงิด ทว่าหลังจากสวีคุนเดินออกไปจากโต๊ะยังไม่ถึงสามก้าวด้วยซ้ำหวังจื่ออี้ก็ตะโกนฉุดรั้งเด็กหนุ่มไว้
 “ช่ายสวีคุน! เดี๋ยวก่อน!!”ร่างบางหมุนตัวกลับมาสบประสานสายตากับคนตัวโต คิ้วที่ถูกกันอย่างสวยงามขยับเลิกขึ้นขณะสบตาชายหนุ่ม สวีคุนรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเพราะเมื่อครู่แขกของเจ้านายเหมือนจะไม่อยากซื้อตัวเขา
 “เปลี่ยนใจเหรอห๊ะ...จะเอาไงกันแน่หวังจื่ออี้”เจ้าของผับกอดอกพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือหงุดหงิด โจวรุ่ยวาดรอยยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคที่เขาพึงพอใจหลุดออกมาจากริมฝีปากของรุ่นน้องหนุ่ม
“ผมตกลง...ผมจะซื้อเด็กคนนี้”
.
.
.
.
.
“ห้องรกฉันหน่อยนะ...นายจะอาบน้ำก่อนไหม ผ้าเช็ดตัวถ้าจะใช้ก็อยู่ในตู้อีกผืน”พูดพลางก้มเก็บเสื้อผ้าที่เกลื่อนอยู่บนพื้นโยนลงตะกร้า สวีคุนกวาดสายตามองข้าวของต่างๆภายในห้องพักที่อยู่สภาพกลางเก่ากลางใหม่
ห้องพักของหวังจื่ออี้นั้นไม่ต่างจากห้องของชายโสดทั่วๆไป เขาเห็นกองถ้วยบะหมี่วางระเกะระกะซ้อนกันเป็นแถวยาวบนโต๊ะตัวเตี้ยด้านหน้าทีวี ไหนจะถ้วยชามที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดถูกแช่น้ำทิ้งไว้เต็มซิงค์ล้างจาน ที่สำคัญฝุ่นภายในห้องยังเยอะอีกต่างหาก ผู้ชายคนนี้คงไม่แตะงานบ้านเลยสินะในรอบหลายเดือน
“ครับ...ขอบคุณ”จื่ออี้มองไปที่คนตัวเล็กซึ่งกำลังสาวเท้าไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนในตู้ข้างเตียง
“แล้วอยากกินอะไรก่อนไหม”เอ่ยถามก่อนที่ช่ายสวีคุนจะปิดประตูห้องน้ำลง
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณคุณมาก”จื่ออี้พยักหน้าพร้อมทั้งส่งยิ้มแห้งๆแก้เก้อ ชายหนุ่มใช้มือบีบนวดท้ายทอยหวังจะเรียกสติตัวเองกลับคืนมาให้อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้น ก่อนจะพาตัวเองมาที่โซนห้องครัวเพื่อหาเบียร์ดื่ม ไม่บ่อยนักที่เขาตัดสินใจซื้อบริการเด็กของโจวรุ่ย แถมครั้งนี้ยังใช้เงินซื้อเป็นจำนวนมากอีกต่างหาก เขาตัดสินใจเช่าช่ายสวีคุนเป็นเมียหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งนั่นก็หมายรวมถึงทุกอย่างทั้งงานแม่บ้านและงานบนเตียง ทีแรกกะจะซื้อเด็กหนุ่มแค่คืนเดียว ทว่าสุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้คำยุยงของโจวลุ่ยจนได้
หวังว่าเวลาหนึ่งอาทิตย์เขาจะได้อะไรกลับคืนมามากกว่าเงินทองที่เขาต้องสูญเสียไป พรุ่งนี้เขาคงต้องกลับไปขับแท็กซี่แล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นเดือนนี้คงได้กินแค่บะหมี่สำเร็จรูปไปทั้งเดือนแน่ๆ ร่างสูงเขวี้ยงกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วลงถังขยะ จากนั้นเจ้าของห้องก็หยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบหวังจะดับอาการร้อนรุ่มในกาย ควันพิษถูกระบายออกมาจากร่างกายของชายหนุ่มลอยคละคลุ้งไปทั่วระเบียงห้อง ร่างสูงแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองท้องฟ้าขณะอัดควันพิษเข้าปอดอย่างต่อเนื่อง
.
.
.
.
.
“อย่าลืมใส่ถุงยางนะครับ”เรียวขาสวยค่อยๆอ้าออกกว้าง สวีคุนเอียงแก้มซบหมอนใบใหญ่ร่างบางปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่อช้าเพื่อเตรียมตัวรอรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น ร่างสูงเอื้อมมือไปหยิบถุงยางอนามัยในลิ้นชักใกล้เตียง ชายหนุ่มชักรูดอาวุธประจำตัวให้พร้อมใช้งานอีกครั้งก่อนจะจัดการห่อหุ้มด้วยถุงยาง ชายหนุ่มเสียดสีแกนกายกับช่องทางสีชมพูไปมาเบาๆ ดวงตาคมจดจ้องไปยังเรือนร่างของช่ายสวีคุนด้วยความหลงใหล จากนั้นจึงค่อยๆกดส่วนหัวซึ่งบานเต็มที่เข้าไปในร่างกายของอีกฝ่าย
 “อ้ะ!!!!”มือเรียวจิกกำผืนผ้านวมระบายความเจ็บปวด หยาดน้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตาสวยที่ยังปิดแน่น ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั้งสรรพางค์กาย ช่ายสวีคุนหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความทรมาน ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวตามแรงอารมณ์ที่ถูกชักจูง
“อดทนหน่อยนะใกล้สุดแล้วล่ะ”ยกสะโพกขาวให้ลอยสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่ตัวเขาจะได้สอดใส่อย่างสะดวก ชายหนุ่มนิ่วหน้าเมื่อโพรงเนื้ออุ่นบีบรัดร่างกายของเขาแน่นเกินไป หลังจากพยายามอยู่เกือบนาทีในที่สุดเขาก็สามารถดันแกนกายของตัวเองเข้าไปในร่างกายช่ายสวีคุนได้จนสุดความยาว ร่างสูงคำรามเสียงต่ำในลำคอทั้งรู้สึกเสียวซ่านและอึดอัดในคราวเดียวกัน ชายหนุ่มจัดการนำท่อนขาของร่างบางพาดลงบนแขนของเขา ก่อนจะเริ่มกระแทกกระทั้นเข้าใส่ช่องทางรักในจังหวะนุ่มนวลเพื่อให้สวีคุนได้ปรับตัวเสียก่อน
“อ๊ะ...อื๊อ”เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นเขาก็เห็นหวังจื่ออี้กำลังโน้มใบหน้าลงมาขบเม้มไปทั่วหน้าอกของเขา เม็ดบัวแดงช้ำถูกครอบครองโดยปากสีคล้ำนับครั้งไม่ถ้วน ฟันคมขบงับเบาๆที่ปลายยอดก่อนจะใช้ลิ้นเขี่ยละเลงไปรอบๆฐานสลับไปมาทั้งสองเต้า เม็ดเหงื่อไหลโทรมกายชายหนุ่มต่างวัยซึ่งกำลังผสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกัน สวีคุนเผลออ้าปากส่งเสียงคราง เมื่อไม่อาจจะควบคุมความต้องการของตนเองได้อีกต่อไป
“อ้า...อือ!”ถูกจัดท่าให้พลิกตัวไปด้านหลังในท่าหมอบคลาน ท่อนขาเรียวสั่นระริกทั้งยังถูกชโลมไปด้วยหยาดเหงื่อ กลีบปากอิ่มอ้าคางเพื่อหอบเอามวลอากาศเข้าสู่ร่างกายแทนจมูก ผิวกายขาวเนียนเปลี่ยนเป็นแดงก่ำและเต็มไปด้วยร่องรอยขบเม้ม สัมผัสเหนอะหนะที่ช่องทางด้านหลังทำให้เขาต้องเหลียวใบหน้าไปมองด้วยความสงสัย สวีคุนขบเม้มริมฝีปากฉับพลันหลังจากเห็นหวังจื่ออี้กำลังถ่มน้ำลายลงบนช่องทางของเขาซ้ำเป็นหนที่สอง ปรางแก้มแดงปลั่งแนบลงบนหมอนอีกทั้งยังปล่อยให้น้ำลายไหลรินเปรอะเปื้อนเป็นทางยาวราวกับไม่รู้วิธีควบคุมชั่วขณะ       
“อะ...อ๊าาาา!!!!”ช่ายสวีคุนหอบหายใจจนตัวโยน ก่อนจะเชิดหน้ากรีดร้องเสียงหลง เมื่อหวังจื่ออี้สามารถแทรกกายเข้ามาในตัวของเขาได้อีกครั้ง
“ซู๊ด!!! อ้า!!!”จื่ออี้สูดปากด้วยความเสียวซ่าน พลางกระแทกเข้าใส่ช่องทางที่กำลังโอบรัดแกนกายของเขาไม่ยั้ง ชายหนุ่มบีบขย้ำสะโพกกลมกลึงของร่างบางกระทั่งกลายเป็นเนื้อเหลว ร่างสูงโน้มใบหน้าลงขบเม้มที่แผ่นหลังของช่ายสวีคุน อีกทั้งยังเผลอตัวฝากฝังร่องรอยคมเขี้ยวไว้จนเกือบเต็มแผ่นหลังของอีกฝ่าย ขาเตียงสั่นโยกเคล้าคลอจังหวะร่วมรักของคนด้านบน เลือดสีแดงสดไหลเปรอะเปื้อนท่อนขาเรียวเนื่องจากจังหวะร่วมรักรุนแรงเกินกว่าร่างกายบอบบางจะทนรับไหว
ฟันขาวกัดลงบนหมอนระบายความเจ็บปวดที่ผสมปนเปมาพร้อมกับความเสียวกระสัน ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวด้วยความทรมานดวงตาสวยปิดพับแน่น อีกแค่เพียงนิดเดียวทั้งเขาและผู้ที่เป็นรุ่นน้องของเจ้านายก็จะแตะถึงขอบสวรรค์เป็นหนที่สอง ร่างกายของหวังจื่ออี้กระตุกเกร็งสามสี่ครั้งและไม่นานนักธารน้ำขาวขุ่นก็ทยอยถูกขับออกมาจนเต็มถุงยาง
คนตัวโตจัดการถอนแกนกายจากช่องทางด้านหลังของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ได้ล้มตัวนอนคว่ำไปกับผืนเตียงเสียแล้ว หวังจื่ออี้เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดคลุมร่างกายเปลือยเปล่าของช่ายสวีคุน จากนั้นจึงสาวเท้าเข้าไปล้างชำระคราบเหงื่อไคลภายในห้องน้ำ
.
.
.
.
.
ชายหนุ่มใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้กับช่ายสวีคุน ก่อนจะหาเสื้อผ้าของเขามาผลัดเปลี่ยนให้แก่อีกฝ่าย จื่ออี้อุ้มเด็กหนุ่มที่สวมใส่เสื้อผ้าของเขาแล้วมาวางที่โซฟา หลังจากที่เขาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนผืนใหม่เสร็จแล้ว เขาก็อุ้มช่ายสวีคุนในท่าเจ้าสาวกลับมานอนที่เตียงอีกครั้ง
มือสากเอื้อมไปปิดสวิซส์โคมไฟก่อนจะค่อยๆล้มกายลงนอน หวังจื่ออี้ดึงร่างกายของเมียชั่วคราวเข้ามาโอบกอด อีกทั้งยังจัดการให้สวีคุนหนุนท่อนแขนของเขาแทนหมอน จมูกโด่งแนบลงบนศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีอ่อน ร่างสูงเคลื่อนปลายจมูกมายังหน้าผากมนช้าๆ ดวงตาสีเข้มจดจ้องไปยังใบหน้างดงามของคนในอ้อมกอดด้วยความเสน่หา
หวังจื่ออี้อดไม่ได้ที่จะฝากร่องรอยจุมพิตบนกลีบปากอิ่ม ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าทอดมองใบหน้าเมียเช่าของเขาท่ามกลางความมืดสลัวอยู่เนิ่นนานกระทั่งเผลอผล็อยหลับไปในที่สุด
.
.
.
.
.
 คิ้วที่ถูกกันอย่างสวยงามขมวดชิดชนกันเนื่องจากแสงแดดที่เล็ดลอดจากรอยแยกของผ้าม่านสาดส่องเข้ามารบกวนการนอนหลับของเขา สวีคุนกระพริบตาถี่ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ ร่างบางกวาดตามองรอบๆบริเวณห้องที่ยังไม่คุ้นเคยดีนัก และเมื่อรู้สึกถึงแรงกดทับที่เอวสวีคุนจึงก้มลงมอง ร่างบางขมวดคิ้วเป็นโบว์อีกครั้งเพราะเห็นท่อนแขนของหวังจื่ออี้ยังคงโอบกอดเขาอยู่ คนตัวบางพลิกกายตะแคงหันไปอีกฝั่ง ดวงตาสวยจึงได้สบประสานกับดวงตาเรียวคม
ร่างสูงระบายยิ้มกรุ้มกริ่ม คนตัวโตผละท่อนแขนออกจากเอวคอดบาง ชายหนุ่มใช้มือข้างนั้นเอื้อมขึ้นไปปัดปรอยผมที่ร่วงลงมาปรกใบหน้าของคนที่เขาโอบกอดมาตลอดทั้งคืน ร่างบางก้มหน้างุดอย่างไม่รู้ว่าควรทำสิ่งใด ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใคร...ทำให้เขารู้สึกใจสั่นได้มากขนาดนี้ ดวงตากลมโตสั่นเลิ่กลั่ก หลังถูกชายหนุ่มเชยคางบังคับกรายๆให้แหงนเงยใบหน้าขึ้นมา
“อรุณสวัสดิ์”
 “เอ่อครับ...อรุณสวัสดิ์เช่นกัน”
“นายยังเจ็บอยู่ไหม...ขอโทษนะที่เมื่อคืนฉันรุนแรงกับนายไปหน่อย”ผิวแก้มขาวซีดขึ้นริ้วสีแดงระเรื่อ ร่างบางหลบสายตาชายหนุ่มด้วยความรู้สึกเขินอาย สวีคุนไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใดออกไป
“...”
“ถ้าฉันออกไปทำงานแล้วนายก็อย่าลืมทานยาล่ะ ฉันเป็นห่วง”
“...ครับ”ตอบพลางพยักหน้า
“ถามอะไรหน่อยสิ...แต่ถ้านายรู้สึกว่าฉันละลาบละล้วงนายเกินไป นายไม่ต้องตอบฉันก็ได้”ร่างบางเลิกคิ้วเล็กน้อย ขณะสบประสานสายตากับร่างสูงที่นอนตะแคงอยู่ข้างๆ
 “อะไรเหรอครับ ถ้าผมตอบคำถามของคุณได้ ผมยินดีตอบ”
“นาย...มาทำอาชีพแบบนี้ได้ยังไงเหรอ ฉันขอโทษที่เสียมารยาท หากนายไม่เต็มใจฉันจะไม่บังคับให้นายตอบฉัน”ความจริงเขาอยากจะถามตั้งแต่ตอนอยู่บนรถแล้วล่ะ แต่เพราะเขาเห็นสวีคุนเอาแต่เงียบ แถมยังไม่หันมาสบตาเขาเลยสักครั้ง จนเขาไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามอีกฝ่าย ทว่าตอนนี้เขารู้สึกว่าสวีคุนเริ่มจะคุ้นเคยกับเขามากขึ้นแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้หวังจะคาดคั้นเอาคำตอบหรอก หากว่าอีกฝ่ายไม่สะดวกใจที่จะตอบเขา
“...”จื่ออี้เห็นสวีคุนก้มหน้าและเงียบไป ชายหนุ่มยื่นมือออกไปประคองที่ปรางแก้มขาว
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”ประกายตาหม่นหมองของร่างบาง ทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาเลยล่ะ
“...ผมโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พออายุสิบแปดผมต้องออกจากที่นั่นมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองตามกฎ หลังจากออกมาผมก็พยายามหางานทำ และในที่สุดมีผับที่นึงรับผมเข้าทำงาน ผมทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟและอาศัยหลับนอนที่นั่น ในช่วงที่ผมทำงานได้เกือบสองเดือนผู้จัดการเขาเรียกผมไปคุยเป็นการส่วนตัว เขาบอกว่ามีเสี่ยฐานะร่ำรวยคนนึงอยากรับดูแลผม เพราะความอยากสบายและอยากมีเงินเก็บเยอะๆ...ผมเลยตกลง เสี่ยพาผมไปอยู่ที่คอนโดของเขา เขามักจะแวะมาหลับนอนกับผมประมาณอาทิตย์ละครั้ง จนเวลาผ่านไปเกือบปีในที่สุด...เมียของเสี่ยเขาก็จับได้ ผู้หญิงคนนั้นไล่ผมออกมาจากคอนโดแถมยังตบตีผมสารพัด แต่มันก็สมควรแล้วล่ะเพราะผมมันเลวอย่างที่เธอว่าจริงๆ หลังจากออกมาจากคอนโดในสภาพยับเยิน ผมตัดสินใจโทรหาพี่ที่รู้จักที่เคยทำงานด้วยกัน ผมรู้จักกับเจ๊โจวรุ่ยได้ก็เพราะพี่คนนี้แนะนำ”คลื่นความรู้สึกฉายชัดผ่านดวงตากลมโต สวีคุนระบายยิ้มเศร้าต่อชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง
“ขอบใจนะที่เล่าเรื่องของนายให้ฉันฟัง”จื่ออี้เอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ ร่างสูงเคลื่อนฝ่ามือจากปรางแก้มเนียนขึ้นมาลูบศีรษะของช่ายสวีคุนเบาๆ
.
.
.
.
.
ร่างสูงมองสภาพห้องที่สะอาดเอี่ยมด้วยสายตาอึ้งๆ ก่อนจะสะดุดสายตาเข้ากับโต๊ะทานข้าวที่ไม่ได้ใช้งานมานาน ทว่าตอนนี้กลับมีอาหารหน้าตาน่าทานวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ สวีคุนถอดผ้ากันเปื้อนพาดไว้บนพนักเก้าอี้ ร่างบางสาวเท้าเข้ามาหาคนตัวโตด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
 “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ”
“ทั้งหมดนี่ฝีมือนายเหรอ”
“ครับ...ผมช่วยถอดเสื้อนะ”สวีคุนจัดการปลดกระดุมชุดทำงานของร่างสูง จากนั้นจึงนำเครื่องแบบของคนขับรถแท็กซี่ไปผึ่งลมที่ระเบียง ร่างบางสาวเท้ากลับมาที่โต๊ะอาหารพร้อมทั้งจัดแจงเลื่อนเก้าอี้ให้เจ้าของห้องนั่ง
“มาทานข้าวสิครับ เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”จื่ออี้พยักหน้ายิ้มๆ ชายหนุ่มก้าวเท้ายาวๆมาที่โต๊ะก่อนจะล้มตัวนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามร่างบาง
  “เสื้อผ้านาย...”เพราะเสื้อผ้าที่สวีคุนสวมใส่อยู่ไม่ใช่เสื้อผ้าของเขา เขาจึงอดที่จะเอ่ยถามอีกฝ่ายไม่ได้
 “ตอนคุณออกไปทำงาน ผมแวะไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านเช่าน่ะ ส่วนเสื้อผ้าที่คุณเปลี่ยนให้ผมเมื่อคืน ผมซักตากไว้ที่ระเบียงแล้วล่ะ ไว้ถ้ามันแห้งแล้วผมจะรีดและพับใส่ไว้ในตู้นะครับ คุณลองทานไข่ตุ๋นหน่อยสิ ใครๆก็บอกว่าผมทำไข่ตุ๋นอร่อยมาก”เลื่อนถ้วยไข่ตุ๋นที่เขาลงมือทำเองไปให้ร่างสูงได้ชิม
 “เป็นไงบ้างคุณ”สวีคุนสบตาชายหนุ่มอย่างรอคอยคำตอบ แก้วตาสวยทอประกายระยิบระยับชวนมอง
 “...อร่อยสมคำร่ำลือจริงด้วย นายสนใจอยากทำอาหารให้ฉันกินแบบนี้ทุกวันไหมล่ะ”คงจะดีไม่น้อยหากว่าช่ายสวีคุนทำอาหารให้เขาทานแบบนี้ทุกวัน แต่มันคงเป็นไปได้ยาก เพราะสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเด็กหนุ่มคนนี้ไว้คือเงิน ถ้าเขาไม่มีเงินจ่ายให้...อีกฝ่ายคงไม่ทำอะไรเช่นนี้ให้เขาหรอก ทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่หน้าที่...หน้าที่ของคนเป็นเมียเช่าเท่านั้น
 “หมายความว่าไงครับ?”ดวงตากลมโตลุกวาวอีกทั้งยังเต็มไปด้วยประกายสดใส สวีคุนเลิกคิ้วขณะจ้องมองใบหน้าหล่อจัดของหวังจื่ออี้ หัวใจดวงน้อยกำลังลิงโลดและพองโตด้วยความตื่นเต้น เจ๊โจวรุ่ยอุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามหวั่นไหวกับลูกค้าเด็ดขาด...แต่เขาก็ยังจะทำผิดข้อห้ามนั่น ก้อนเนื้อในอกซ้ายห่อแฟบลงทันทีหลังจากได้ยินคำตอบ จริงสินะ...คงไม่มีใครอยากจริงจังกับคนขายตัวหรอก
“ช่างเถอะ ฉันพูดเล่นน่ะ”ชายหนุ่มพูดปัด ก่อนจะตักอาหารใส่ลงในถ้วยของคนตรงหน้า โดยไม่ทันได้สังเกตแววตาที่หม่นลงของช่ายสวีคุนแม้แต่น้อย
.
.
.
.
.
 “ต่ออีกรอบนะ”กระซิบเสียงพร่าข้างใบหูแดงจัด สวีคุนหันไปมองคนตัวสูงที่กำลังสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง ฟันคมกัดฉับลงบนกลีบปากอวบอิ่ม คนตัวโตแกล้งปัดป่ายไปโดนยอดอกของร่างบาง หวังจื่ออี้ใจใช้ปลายนิ้วชี้เขี่ยเบาๆที่เม็ดบัวจนมันเริ่มแข็งตั้งชันอีกครั้ง
“อะ...อือ”ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนตั้งมากมายนัก เขาเพิ่งจะนอนพักไปได้แค่ชั่วโมงเดียวเอง
“นะ...นะครับ...เด็กดี”ชายหนุ่มเคลื่อนมือลงต่ำมาวางที่แท่งเนื้อขนาดพอเหมาะของในอ้อมกอด ร่างสูงเพิ่มด้วยเร็วในการชักรูดกระทั่งอาวุธของสวีคุนกลับมาแข็งสู้มือเขา หวังจื่ออี้ยกยิ้มร้ายกาจพลางบดเบียดแท่งเนื้อใหญ่ที่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงยางชำแรกเข้าไปในช่องทางสีชมพูบวมเจ่อ ร่างกายของช่ายสวีคุนยังคงใช้งานได้ดี แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นเซ็กส์รอบที่สามของค่ำคืนนี้
“อ๊า!...อ้ะ!...คุณอย่ารุนแรงนักสิ”สวีคุนหอบหายใจถี่รัว ความเสียวกระสันวิ่งพล่านไปทั่วทั้งร่างกาย ดวงตากลมใสเจือหยาดน้ำเหม่อมองไปยังทิศทางเบื้องหน้าเลื่อนลอย ช่ายสวีคุนรู้สึกคล้ายกับว่ามีผีเสื้อนับพันๆตัวกำลังโบยบินอยู่ภายในช่องท้องของเขา ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มกว้างด้วยความสุขสม
“อ๊ะ!!!...ทำไม”จู่ๆก็ถอดส่วนนั้นออกไปจากร่างกายของเขาทั้งๆที่ยังไม่เสร็จกันทั้งสองฝ่าย คนสวยเบะปากคว่ำ สวีคุนมองส่วนนั้นของชายหนุ่มด้วยสายตาเว้าวอน ช่องทางรักตอดขมิบถี่รัวตามความต้องการของผู้เป็นเจ้าของ
“แค่อยากเปลี่ยนท่าน่ะ นอนตะแคงฉันไม่ค่อยถนัด”สวีคุนหลับตาแน่นปี๋ขณะร่างสูงจับแยกเรียวขาออกกว้าง และไม่นานนักส่วนล่างของเขาก็ถูกหวังจื่ออี้เติมเต็มอีกครั้ง
 “อ๊ะ...อ๊าาาา”เชิดใบหน้าขึ้นอ้าปากครวญคราง ท่อนแขนเรียวตวัดโอบรอบลำคอแกร่งขณะที่ส่วนล่างกำลังถาโถมเข้าหากันในจังหวะถี่กระชั้น ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงบดขยี้กลีบปากบวมแดงด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะจัดการละเลงปลายลิ้นไปทั่วหน้าอกบางอีกทั้งไม่ลืมที่จะฝากฝังร่องรอยกลีบกุหลาบทั่วผิวเนื้อเนียน สวีคุนเอื้อมมือขึ้นไปจิกทึ้งกลุ่มผมของหวังจื่ออี้อย่างหลงลืมตัว
“อะ...โอ๊ะ..อ๊าาา”ร่างบางหวีดร้องน้ำเสียงสั่นพร่า เมื่ออาวุธร้ายกาจของชายหนุ่มด้านบนกระแทกเข้าใส่จุดกระสันของเขาไม่ยั้ง ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นสมองของช่ายสวีคุนก็ขาวโพลนไปหมด เปลือกตาบางแสนอ่อนล้าปิดพับลงทันที
.
.
.
.
.
 “ได้ข่าวว่ามึงซื้อเด็กมากกเหรอวะ”หวังจื่ออี้แกล้งทำท่าทางเฉไฉพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“มึงระวังติดโรคล่ะ กูเตือนด้วยความหวังดี คนพวกนี้แม่งไม่รู้ว่าผ่านมากี่คว...”จงใจวางกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ ดวงตาสีเข้มดุดันขึ้นขณะจดจ้องไปยังใบหน้าของเพื่อนร่วมอาชีพ จริงๆคืนนี้เขาอยากใช้เวลาร่วมกับช่ายสวีคุนให้คุ้มค่า เนื่องจากพรุ่งนี้สัญญาเมียเช่าของอีกฝ่ายก็จะสิ้นสุดลงแล้ว
เขาตั้งใจจะใช้เวลาอยู่ที่คาเฟ่แห่งนี้ไม่เกินสองชั่วโมงหรอก อีกอย่างตอนนี้เขาอยากกลับไปนอนกอดร่างกายหอมๆของช่ายสวีคุนเต็มแก่แล้วล่ะ และที่เขาต้องเดินทางมาที่คาเฟ่แห่งนี้ในเวลากลางดึก เพราะเขาถูกเพื่อนสนิทโทรมารบเร้าไม่เลิก แถมมันยังหยิบยกเรื่องที่เขาเคยสัญญาว่าจะเลี้ยงเหล้าขึ้นมาข่มขู่อีกต่างหาก
“เลิกพูดจาดูถูกเขาสักทีเหอะ! ว่าแต่มึงรู้เรื่องของกูได้ยังไง”
“พนักงานในผับเจ๊โจวรุ่ยบอกกู มึงไปซื้อทำไมวะพวกกระหรี่ หาแฟนเป็นตัวเป็นตนใหม่ไม่ดีกว่าเหรอวะ”พูดจบเยี่ยนจวิ้นก็หันไปขยิบตาเจ้าชู้ส่งให้สาวสวยโต๊ะข้างๆ ก่อนจะหันกลับมาประสานสายตากับเพื่อนสนิท
 “มึงไม่ต้องมายุ่งเรื่องของกูหรอกน่า”
“กูเป็นเพื่อนมึงนะ กูถึงได้เตือนด้วยความหวังดี แล้วมึงอย่าไปคิดจริงจังกับคนพวกนี้ล่ะ ถ้าโดนปอกลอกจนหมดตัวกูไม่ช่วยมึงจริงๆด้วย”ชายหนุ่มเริ่มฉุกคิดตาม ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแอบหวังลึกๆว่าช่ายสวีคุนจะไม่เป็นอย่างที่เยี่ยนจวิ้นพูด
  “ทำไมมึงมองโลกในแง่ร้ายนักวะ...”
“อะ...แค่กๆ อย่าบอกนะว่ามึง”ร่างโปร่งสำลักเหล้าที่กำลังดื่มแทบจะทันที เยี่ยนจวิ้นมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยสายตาหวาดๆ
“เออ! กูชอบเด็กคนนั้น กูอยากให้เขาเป็นเมียของกูถาวร...ไม่อยากให้เขาขายตัวให้ใครอีก”ตลอดระยะเวลาหกวันที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน แม้จะเป็นเวลาที่ไม่ได้เนิ่นนานเท่าไหร่นัก แต่เขามั่นใจในความรู้สึกของตัวเองพอสมควร ใช่..เขาชอบช่ายสวีคุน ที่สำคัญเขาคงทำใจไม่ได้หากว่าช่ายสวีคุนต้องขายตัวให้ผู้ชายคนอื่นหลังจากหมดสัญญากับเขา เขาคิดทบทวนมาระยะนึงแล้วล่ะว่าจะใช้เงินเก็บที่มีอยู่ซื้อตัวเด็กคนนั้นเป็นเมียเช่าอีกครั้ง
“แล้วเด็กคนนั้นชอบมึงรึเปล่าวะ...มึงเคยถามเขารึยัง บางทีเด็กที่มึงชอบมันอาจจะอยากไปอยู่กับพวกเสี่ยรวยๆก็ได้”แก้วตาสีนิลสั่นคลอนวูบไหว ชายหนุ่มลืมนึกถึงเหตุผลข้อนี้ไปเสียสนิท
.
.
.
.
.
“ครับ...ครับพรุ่งนี้ผมจะไปรอที่ร้านอาหาร”
“คุยกับใคร!”สวีคุนสะดุ้งโหยง ก่อนจะหันรีหันขวางมองหาต้นตอของเสียงตวาดเมื่อครู่ ร่างสูงสาวเท้าเร็วๆไปหาเด็กหนุ่มซึ่งกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่บริเวณระเบียงห้อง
 “แค่นี้ก่อนนะครับเจ๊”ร่างบางรีบกดวางสายเจ้านาย  
  “พอดีว่าเจ๊โจวรุ่ยเขาอยากให้ผมไปทานข้าวกับลูกค้าพรุ่งนี้”วาดรอยยิ้มหวานส่งให้ชายหนุ่มเจ้าของห้อง กลิ่นเหล้าที่ฟุ้งมาจากร่างกายของชายหนุ่ม ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงจะดื่มมาเยอะพอสมควร
“หึ...คงไม่ใช่การกินข้าวธรรมดาหรอกใช่ไหม...ขายตัวด้วยล่ะสิ”เปลือกตาบางเบิกกว้างขึ้นพร้อมๆกับรอยยิ้มบนใบหน้างดงามค่อยๆจางหายไป สวีคุนก้มหน้าลงเมื่อไม่อาจจะทนเห็นสายตาดูถูกของหวังจื่ออี้ได้ต่อไป
 “ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้า”เด็กหนุ่มเดินผ่านร่างสูงมาล้มตัวนอนที่เตียง เขาได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงน้ำไหล ร่างบางพยายามข่มตาหลับแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ถึงดวงตาจะปิดลงทว่าความรู้สึกทุกอย่างกลับยังกระจ่างชัดเจนอยู่ดี แรงยวบที่เตียงอีกฝั่งทำให้เขารู้ว่าหวังจื่ออี้กำลังล้มตัวลงนอนข้างๆเขา สวีคุนเบิกตาโผลงด้วยความตระหนกท่ามกลางความมืดสลัว ร่างบางก้มหน้าลงมองอาภรณ์ชิ้นล่างที่กำลังถูกฝ่ามือหนาถอดกระชากออกไป
.
.
.
.
.
“ฮรึก....”ไม่รู้เลยว่าสลบไปเนิ่นนานแค่ไหน แต่เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็พบว่าร่างสูงยังไม่ยอมหยุดรังแกร่างกายของเขา สวีคุนจ้องหน้าคนใจร้ายผ่านม่านน้ำตา สัมผัสหยาบโลนยังคงกระแทกกระทั้นเข้ามาในร่างกายเขาอย่างไม่หยุดพัก ร่างบางภาวนาให้ตัวเขาสลบไปอีกครั้งเพื่อหลีกหนีจากความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญ เซ็กส์ของหวังจื่ออี้มันช่างป่าเถื่อนและรุนแรงกว่าทุกๆครั้ง ชายหนุ่มไม่ฟังคำขอร้องใดๆจากเขาเลย แม้ว่าเขาจะร้องไห้ปานจะขาดใจอีกฝ่ายก็ไม่สนใจใยดีแม้แต่น้อย
“...อือ”ตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่างกาย สัมผัสเหนอะหนะจากส่วนล่างเสมือนเป็นเครื่องเตือนความจำว่าเมื่อคืนหวังจื่ออี้รุนแรงกับเขามากแค่ไหน สวีคุนก้มลงมองหว่างขาของตัวเองที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโสมม เขาเตือนหวังจื่ออี้หลายครั้งว่าให้สวมถุงยางอนามัยเสียก่อน แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับฟังถ้อยคำของเขา
ช่ายสวีคุนพรั่งพรูลมหายใจยาวเหยียดต่อสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ของตัวเอง คนตัวบางหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ข้างๆด้วยสายตาเศร้าๆ เขาอยากจ้องมองใบหน้าของหวังจื่ออี้ให้เนิ่นนานที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ภาพความทรงจำดีๆระหว่างกันไหลย้อนวนเวียนในความคิดจนทำให้เขาเผลอร้องไห้ออกมา หลังจากจ้องมองหวังจื่ออี้จนพอใจแล้วเขาจึงตัดสินใจก้าวเท้าลงจากเตียง สวีคุนทำความสะอาดร่างกายที่สกปรกด้วยทิชชู่ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวม ร่างบางนิ่วหน้าเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อต้องก้าวเดิน สงสัยว่าเขาคงต้องยกเลิกงานของเจ๊โจวรุ่ยในวันนี้แล้วล่ะ สภาพร่างกายของเขาเป็นแบบนี้แขกที่ไหนจะพอใจล่ะ
“ลาก่อนนะครับ...คุณจื่ออี้”เอ่ยลาครั้งสุดท้าย ก่อนจะพาร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยบอบช้ำออกมาจากห้องพัก
.
.
.
.
.
 “ผมอยากได้ที่อยู่ของช่ายสวีคุน”ชายหนุ่มบอกความประสงค์ต่อเจ้าของผับ หลังจากที่เขาตื่นนอนเขาก็ไม่เห็นช่ายสวีคุนอีกเลย หวังจื่ออี้รีบขับรถมาที่ผับเพราะเชื่อว่าโจวรุ่ยต้องรู้ว่าช่ายสวีคุนนั้นอยู่ที่ไหน
“จะอยากรู้ไปทำไม”ร่างเล็กที่ยังอยู่ในชุดนอนไม่ตอบคำถามหากแต่ยังตั้งคำถามกลับไป ชักจะยังไงๆแล้วล่ะเพราะเมื่อกี้สวีคุนเพิ่งจะโทรมายกเลิกงานที่เคยตกลงกันไว้เมื่อวาน สวีคุนบอกเขาแค่ว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายเลยไม่สะดวกที่จะรับงานนี้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีกฝ่ายนัก สังเกตจากน้ำเสียงแล้วสวีคุนคงจะไม่สบายจริงๆนั่นแหละ พอเขาวางสายจากช่ายสวีคุนได้ไม่เท่าไหร่หวังจื่ออี้ก็เดินพรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานของเขา
“...ผมอยากขอโทษเขา”
“ทำไมทำเลาะอะไรกันเหรอ”ชายสองเพศเอ่ยถามต่อ คนตัวเล็กมองหน้าร่างสูงด้วยสายตาหยั่งเชิง
“เมื่อคืนผมเมา...เลยรุนแรงกับเขา แถมพูดจากไม่ดีกับเขาอีก ผมอยากขอโทษเขา”
“ถามตรงๆนะ แกคงไม่ได้ตกหลุมรักเด็กของฉันหรอกใช่ไหม ถ้าแบบนั้นเนี่ยเรื่องใหญ่เลยนะ”ยิ่งเห็นแววตาของหวังจื่ออี้เขาก็ยิ่งมั่นใจในข้อสันนิฐานของตัวเอง คนตัวเล็กเบิกตาโพลงเมื่อรุ่นน้องคนสนิทคุกเข่าลงตรงหน้าเขา
“เจ๊โจวรุ่ย...ผม...ผมอยากขอช่ายสวีคุนจากเจ๊ ผมรักเด็กคนนี้”
“ห๊ะ!!!! ลุกขึ้นก่อน ทำอย่างกับว่าแกเป็นพระเอกหนังน้ำเน่าไปได้ลุกขึ้นเลยนะ”โจวรุ่ยใช้ทั้งสองมือจับเข้าที่บ่ากว้างบังคับให้หวังจื่ออี้ลุกขึ้นยืน
“บอกมาก่อนสิว่าเจ๊จะยกเขาให้ผม”หวังจื่ออี้ยังคงดื้อแพ่ง ชายหนุ่มมองหน้ารุ่นพี่คนสนิทด้วยสายตากึ่งอ้อนวอน
“เรื่องพวกนี้ฉันตัดสินใจเองไม่ได้หรอกนะ...คนที่จะสามารถบอกแกได้คงมีแค่ช่ายสวีคุนคนเดียว”
“....”
“ถ้าเด็กมันรักแก เหมือนกับที่แกรักมัน ฉันจะไม่รั้งมันไว้ให้มันทำงานกับฉันต่อ”เตือนเด็กในสังกัดหลายครั้งแล้วล่ะ ทว่าไอ้เหตุการณ์เผลอใจตกหลุมรักลูกค้าเนี่ยมันก็ยังมีมาตลอด หากช่ายสวีคุนรู้สึกเช่นเดียวกับหวังจื่ออี้เขาคงทำได้เพียงยินดีกับความรักของคนทั้งคู่ แม้จะรู้สึกเสียดายเด็กปั้นคนใหม่อยู่มากก็ตาม
“ผมขอที่อยู่เขาได้ไหม ขอร้องล่ะ”โจวรุ่ยกรอกตามองบน เขาต้องสูญเสียช่ายสวีคุนไปจริงๆนะเหรอ นานๆทีกว่าจะหาเด็กที่ครบเครื่องได้ขนาดนี้ แต่มันก็ไม่แน่หากว่าช่ายสวีคุนไม่ได้ชอบหรือรักหวังจื่ออี้ และมีแค่รุ่นน้องของเขาเท่านั้นที่รู้สึกอยู่เพียงฝ่ายเดียว เรื่องนี้คงต้องวัดดวงกันหน่อยล่ะ
“เฮ้อ...จริงๆเลยนะเด็กพวกนี้”
.
.
.
.
.
หลังจากเขาได้ที่อยู่มาจากโจวรุ่ยเขาก็รีบบึ่งรถมาหาช่ายสวีคุนตามที่อยู่ทันที ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูบ้านหลังเก่าหลังหนึ่ง ชุมชนที่ช่ายสวีคุนพักอาศัยแทบจะไม่มีความปลอดภัยเลยสักนิด ที่นี่ไม่ต่างจากสลัมเลยล่ะไม่ต้องเดาเขาก็พอจะรู้ว่าอาชญากรรมมีเยอะมากแค่ไหน สาบานเลยว่าต่อให้สวีคุนจะไม่รับรักเขา แต่เขาก็จะคอยช่วยเหลืออีกฝ่ายตลอดไป ชายหนุ่มรอคอยไม่นานนักประตูไม้ก็ค่อยๆแง้มออก
“คุณ!”ช่ายสวีคุนมองชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยสายตาตกตะลึง
“ฉันมาขอโทษนาย...เรื่องเมื่อคืน”กลีบปากอิ่มมีรอยแผลจางๆ อีกทั้งลำคอขาวยังเต็มไปด้วยรอยขบเม้ม ไหนจะดวงตากลมโตที่ตอนนี้ทั้งบวมและแดงก่ำ ร่องรอยแปดเปื้อนบนเนื้อตัวของช่ายสวีคุนเกิดขึ้นเพราะน้ำมือเขา หวังจื่ออี้สบตาร่างบางด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาเรียวคมอ่อนแสงลงมากกว่าทุกครั้ง
“ผมไม่เคยโกรธคุณ...อีกอย่างคุณมีสิทธิ์ที่จะทำมัน ในเมื่อตอนนั้นผมอยู่ในฐานะเมียเช่าของคุณ คุณกลับไปเถอะครับ...ผมไม่เป็นอะไรหรอก”เบือนหน้าหนีสายตาลึกซึ้งที่กำลังจ้องมองมาที่ตัวเขา ทว่าสวีคุนก็ต้องหันไปมองชายหนุ่มอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายถือวิสาสะดึงมือของเขาไปกอบกุม ร่างบางขมวดคิ้วดวงตากลมโตเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“มันอาจจะเร็วเกินไปเพราะพวกเราเพิ่งรู้จักกัน...แต่ฉันมั่นใจในความรู้สึกของฉัน ฉันรักนาย...ช่ายสวีคุน”สวีคุนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีนิล หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามดังกึกก้องไปทั่วทั้งอกซ้าย
“คุณไม่รังเกียจผมเหรอ”หวังจื่ออี้ดึงร่างของสวีคุนเข้ามาสู่อ้อมกอด ชายหนุ่มพยายามถ่ายทอดความรู้สึกของเขาผ่านอ้อมกอดนี้ คนตัวบางแนบแก้มลงบนหน้าอกแกร่ง คล้ายกับว่าทุกอย่างคือความฝันเมื่อในตอนนี้เขาได้อยู่ภายในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง เสียงหัวใจของหวังจื่ออี้ทำให้เขาเผลอระบายยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว
“ใครจะไปรังเกียจคนที่ตัวเองรักล่ะ แล้วนายล่ะรู้สึกยังไงกับฉัน”ร่างบางผละแก้มออกจากหน้าอกกำยำ สวีคุนแหงนเงยใบหน้าขึ้นสบตาคนตัวโตขณะที่ท่อนแขนแข็งแรงยังคงโอบเอวคอดบางไว้อย่างแนบแน่น ร่างบางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเอ่ยตอบชายหนุ่ม หวังจื่ออี้จ้องมองใบหน้าของช่ายสวีคุนอย่างไม่วางตา
“ผมรักคุณครับ”
.
.
.
.
.
“คุนคุนจ๊ะแฟนมารับแล้วนู่น พี่จัดการส่วนที่เหลือต่อเอง”โหย่วจางจิ้งบอกพนักงานของร้าน คนตัวขาวจัดบุ้ยปากไปที่ด้านหน้าร้าน หลังจากเห็นรถแท็กซี่ป้ายทะเบียนคุ้นตาขับมาชะลอจอด สวีคุนเหลียวใบหน้าไปมอง ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นเจ้านาย
“ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับพี่จ่างจิ้ง เจอกันพรุ่นนี้นะครับ"เป็นอันต้องละมือจากงานตัดแต่งกิ่งดอกไม้ลงเพียงเท่านี้ งานที่เหลืออีกเล็กน้อยคงต้องฝากฝังให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของร้านอย่างช่วยไม่ได้
“จ้า รีบๆไปขึ้นรถเถอะ จื่ออี้จอดรถตรงนั้นนานๆไม่ได้นะ”สวีคุนพยักหน้ายิ้มๆ ร่างบางหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายไหล่พลางสาวเท้าออกมาจากร้านดอกไม้ซึ่งเป็นที่ทำงานของเขา หลังจากวันนั้นที่เขาและหวังจื่ออี้ได้เปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อกัน เขาก็ไม่ได้กลับไปทำงานที่ผับของเจ๊โจวรุ่ยอีกเลย ทั้งยังตัดสินใจย้ายข้าวของไปพักอาศัยที่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวร ตอนนี้เขาและหวังจื่ออี้ใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะคนรักมาได้ปีกว่าแล้วล่ะ
.
.
.
.
.
 “ไม่ใช่ทางกลับบ้านของเรานิครับ หรือว่าเย็นนี้คุณอยากทานข้าวนอกบ้าน เบื่อฝีมือผมแล้วล่ะสิ”กวาดสายตามองร้านรวงข้างทางที่แปลกตาไปจากเดิมผ่านกระจกรถ ร่างบางขมวดคิ้วชิดชนกันด้วยความสงสัยขณะมองซีกหน้าของชายหนุ่มซึ่งกำลังทำหน้าที่ขับรถ
 “ใครว่าล่ะ...แค่อยากพานายไปที่ที่นึง”หวังจื่ออี้ตอบด้วยท่าทางอารมณ์ดี
  “ที่ไหนเหรอครับ?”
 “ขืนบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ”สวีคุนเม้มปากฉับเป็นเส้นตรง ดวงตาสวยละสายตาจากใบหน้าของคนรัก ก่อนจะหันไปมองทิวทัศน์แปลกตาด้านนอกกระจกอีกครั้ง
“ถึงแล้วล่ะที่นี่แหละ”ใช้เวลาขับรถราวๆหนึ่งชั่วโมงในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงที่หมาย สวีคุนวางสายตาที่ตึกแถวสามชั้นขนาดใหญ่ด้านนอกกระจก
“บ้านของใครเหรอครับ”
“บ้านป๊าม๊าฉันเองแหละ พวกท่านอยากให้ฉันพานายมากินข้าวด้วยกันน่ะ”แก้วตากลมโตเป็นประกายลุกวาว หลังจากได้ยินเช่นนั้นสวีคุนรู้สึกไม่ต่างจากถูกสาปให้ตัวแข็งทื่อทุกสัดส่วนชาดิกไปชั่วขณะ ร่างสูงวาดรอยยิ้มส่งให้คนรัก ชายหนุ่มคว้ามือเรียวบนหน้าตักของสวีคุนมากอบกุมไว้เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่อีกฝ่าย
“พวกท่าน...รู้รึเปล่าว่าผมเป็นผู้ชาย”ช่ายสวีคุนอดที่จะกังวลในเรื่องนี้ไม่ได้
 “ฉันเคยบอกพวกท่านแล้วล่ะ...ไม่ต้องกลัวหรอก พวกท่านใจดีมาก เชื่อใจฉันนะทุกอย่างต้องราบรื่น”ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นโยกศีรษะของร่างบางเบาๆเพราะอยากให้สวีคุนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ร่างสูงแนบปลายจมูกที่หน้าผากมนด้วยสัมผัสอ่อนโยน ก่อนจะจัดการปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยให้ร่างบางด้วยตัวเอง
 “...ลงจากรถกันเถอะ”
“...ครับ”ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มกว้างด้วยความสุข
.
.
.
.
.
.
.
.
.
end
...................
มาต่อให้จนครบแล้วค่ะ ส่วนคอมยังไม่ได้ซ่อม 😂😂😂
...................
อยากร้องไห้คอมพัง ไว้ถ้าซ่อมเสร็จจะปั่นส่วนที่เหลือให้อ่านนะคะ #เปื้อนจื่อคุน เปิดจองและโอนจนถึง20เดือนนี้นะคะ 😻🙏 เม้นต์และติดแท็กให้กันบ้างนะ 😊 os เจอกันใน #จื่อคุนรหัสแดง ฮับ มาอัพเนื่องในวันเกิดน้องคุนตามสัญญา 😊😊