วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561

#คลั่งรักจื่ออี้ 4


#คลั่งรักจื่ออี้

ร่างเล็กกระพริบตาถี่ ก่อนจะค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ ความรู้สึกแรกหลังจากสลบไปนานเกือบสี่ชั่วโมงคือความเจ็บปวดที่ช่องทางด้านหลัง สวีคุนนิ่วหน้าทันทีเมื่อรู้สึกตัวตื่น ไม่ใช่แค่ช่องทางด้านหลังที่เขารู้สึกปวดร้าว แต่มันแทบจะทั่วทั้งร่างกายของเขา ที่สำคัญตัวเขายังคงร่างกายเปล่าเปลือย ริมฝีปากอิ่มบวมแดงขบเม้มเข้าหากัน หลังพยายามขยับเขยื้อนร่างกาย ก่อนจะต้องเบิกตาโพลงเมื่อดวงตาของเขาปะทะเข้ากับใครบางคน อกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจนั่น แก้วตาสวยสั่นไหวไม่นานนักความรู้สึกโกรธเกลียดก็ถูกกลั่นกรองเป็นหยาดน้ำใสๆ
หวังจื่ออี้กำลังนอนหลับอย่างสบายใจอยู่ข้างๆเขา และสวีคุนยังพบว่าศีรษะของเขาหนุนอยู่บนท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ไหนจะเอวคอดที่มีมือหนาวางทาบทับอยู่ คนสวยพยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่ง ทุกการขยับตัวเต็มไปด้วยความทรมาน คนตัวเล็กกัดฟันแข็งใจจนกระทั่งเขาสามารถนั่งได้สำเร็จ ก่อนจะรีบหยิบเสื้อผ้าใกล้ตัวขึ้นมาสวมใส่ ดวงตาสวยเอ่อคลอน้ำตาจดจ้องไปที่ใบหน้าของหวังจื่ออี้ 
ศักดิ์ศรีของเขาถูกผู้ชายคนนี้เหยียบย่ำ จนไม่เหลือคุณค่าใดๆอีกแล้ว
สวีคุนพยายามมองหาอาวุธ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเจอเข้ากับอิฐเก่าขนาดเหมาะมือก้อนนึง วางตั้งอยู่บริเวณโคนเสา ไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อยที่จะเดินไปหยิบมันมา ร่างเล็กนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ รู้สึกได้เลยว่าเลือดกำลังไหลออกมาจากช่องทางด้านหลัง เมื่อคืนที่ผ่านมาช่องทางของเขาถูกหวังจื่ออี้ย่ำยีนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เขาก็ยิ่งรังเกียจร่างกายตัวเอง และคงจะไม่ต้องรู้สึกแย่ไปกว่านี้ หากว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้เต็มใจตกเป็นของมัน... เซ็กส์ช่วงหลังๆเขาเผลอใจเต้นแรงไปกับสัมผัสหยาบโลนนั่น แถมยังดึงรั้งต้นคอของบุคคลที่ครั้งนึงเขาเคยชี้หน้าด่าว่าเป็นแค่เศษสวะเพื่อเรียกร้องจุมพิตจากมัน
เซ็กส์ครั้งแรกของเขามันไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจากความรักของคนสองคนอย่างที่เขาเคยวาดฝันไว้ ร่างเล็กเดินกระเผลกไปหยิบวัตถุซึ่งเขาสามารถนำมาใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้ ก่อนจะพยายามแข็งใจเดินกลับมาหาร่างสูงอีกครั้ง เขาควรจะใช้อิฐในมือทุบเข้าที่ศีรษะของหวังจื่ออี้ซะในระหว่างที่มันยังไม่รู้สึกตัว ใช่...เขาควรทำสิ่งที่ถูกต้อง นั่นคือการแก้แค้นมันคืน ให้มันตายคามือของเขาซะ ชดใช้สิ่งที่เขาต้องสูญเสีย มือเรียวกำอาวุธในมือจนเห็นเป็นเส้นเลือดปูดโปนบนหลังมือขาว
สวีคุนมองเห็นหวังจื่ออี้ผ่านม่านน้ำตา คนตัวเล็กทรุดกายลงนั่งข้างๆร่างที่นอนหลับ ก้อนอิฐในมือถูกยกขึ้นสูง หลับตาลงกลั้นหายใจเฮือกใหญ่ ตั้งใจจะกระแทกก้อนอิฐในมือเข้าที่ศีรษะของคนที่ย่ำยีเขาด้วยความอย่างป่าเถื่อน
พลั่ก!!!!!!
.
.
.
.
.
“ฮรึก..ฮื่อ”
ทำไมเขาถึงทำไม่ได้!!!!! ทำไม!!!!!!
“อย่าร้องไห้สิครับ คุณหนู”ความจริงแล้วเขารู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนที่ช่ายสวีคุนขยับตัวยุกยิกในอ้อมกอดแล้วล่ะ แต่ก็แกล้งหลับตาแกล้งหลับต่อไป แค่อยากรู้ว่าคนสวยจะทำอะไรกับเขาบ้าง ถ้าอาวุธในมือของอีกฝ่ายเฉียดเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขาเมื่อไหร่ แน่นอนเขาจะรีบเบี่ยงตัวหลบทันที ยังไงซะช่ายสวีคุนก็ไม่มีทางที่จะทำร้ายเขาได้อีกแล้ว ตอนนี้เกมเป็นของเขา และเขาจะเป็นฝ่ายควบคุมทุกอย่าง รวมถึงตัวของสวีคุนด้วยเช่นกัน
จื่ออี้รีบดึงคนตัวเล็กที่สะอื้นตัวโยนเข้ามากอดปลอบ ดวงตาคมกริบตวัดไปมองก้อนอิฐที่แตกกระจายเป็นก้อนเล็กๆ หึ...มันเฉียดศีรษะเขาไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะช่ายสวีคุนทำใจฆ่าเขาไม่ลง...
“ปล่อย!!! ฉันเกลียดแก ปล่อยฉัน!ฮึกๆ”คนสวยออกแรงดิ้นขลุกขลัก สวีคุนพยายามดันหน้าอกแกร่งให้ถอยออกไป
 “ยิ่งดิ้นแรง ผมยิ่งกอดคุณแน่นขึ้นนะ!”ได้ผลมือเรียวหยุดชะงักลงทันที สวีคุนปล่อยท่อนแขนตกลงสู่ข้างลำตัว ใบหน้าสวยแนบซบลงที่บ่ากว้าง ปล่อยน้ำตาของความอ่อนแอให้ไหลออกมาอย่างเงียบๆ โดยมีร่างสูงคอยลูบแผ่นหลัง
“ฉันเกลียดแก”พ่นถ้อยคำใส่หน้าร่างสูงทันทีที่ผละกายออกห่าง เขาไม่เข้าใจหวังจื่ออี้...ทำไมมันถึงมาทำดีกับเขา ทั้งที่เมื่อคืนมันทำเรื่องแย่ๆเลวๆไว้กับเขาตั้งมากมาย
 “ครับ ผมทราบดี”มันคงจะไม่ยากเกินความสามารถของเขา หากจะเปลี่ยนคำว่าเกลียด ของช่ายสวีคุนให้กลายเป็นคำว่า รัก
  “กลับไปกับผมก่อนนะ ถ้าคุณกลับบ้านไปตอนนี้ผมเกรงว่า... ถ้าคุณยังไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเพิ่งผ่านอะไรมาน่ะนะ”ร่องรอยบนตัวของช่ายสวีคุน มันเป็นหลักฐานชั้นดีเลยล่ะว่าอีกฝ่ายเพิ่งถูกใครสักคนข่มขืน
“แกมาทำดีกับฉันทำไม!”
“แค่อยากรับผิดชอบ”จื่ออี้ใช้มือข้างนึงประคองใบหน้าของสวีคุน ก่อนจะใช้ก้านนิ้วยาวเกลี่ยน้ำตาบนแก้มขาวเนียน ชายหนุ่มระบายยิ้มอบอุ่น ขณะที่กำลังวางแผนชั่วร้ายในหัว
.
.
.
.
.
จื่ออี้อุ้มคนตัวเล็กมาที่รถของอีกฝ่าย หลังพยายามเกลี่ยกล่อมอยู่นาน เขาตั้งใจจะพาสวีคุนกลับไปยังที่พักของเขา ซึ่งมันก็เสี่ยงอยู่พอสมควร หากว่าสวีคุนไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวต่อเขาจริงๆตามที่เขาคาดคิดไว้ อีกฝ่ายต้องพาลูกสมุนมาฆ่าเขาที่ห้องแน่ถ้าหายดีแล้ว
“ฉันอยากกลับบ้าน!”ร่างเล็กเอ่ยประท้วง ดวงตาสวยตวัดมองซีกหน้าหล่อเหลาด้วยความรู้สึกขุ่นมัวในใจ นี่มันบ้ามาก บ้าที่สุด! เขายอมนั่งรถมาพร้อมกับหวังจื่ออี้ มันบอกเขาว่าจะพาไปที่ห้องเช่าของมัน ถ้าเขาหายดีเมื่อไหร่มันถึงจะปล่อยเขาไป อันที่จริงเขาควรจะรีบหาโทรศัพท์แล้วโทรแจ้งตำรวจซะ ไม่ใช่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่แบบนี้!
 “บอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบ ผมจะดูแลคุณจนกว่าคุณจะหายดี”
“แกมันบ้า! เมื่อคืนแกเกือบทำฉันตาย แล้วพอมาตอนนี้เกิดสำนึกอยากเป็นคนดีขึ้นมา บ้าบอเหอะ! บอกมานะว่าแกมีแผนชั่วอะไรอีก!!!”เขาไม่มีทางไว้ใจหรือเชื่อใจหวังจื่ออี้ได้อย่างสนิทใจ ไม่มีทาง!!!
“ถ้ากลับไปคุณจะบอกเรื่องที่ผมทำกับคุณให้เฉิงเฉิงรู้ไหม”หึ...ทำดีเพราะหวังผลจริงด้วยสินะ ไม่ได้อยากดูแลกันจริงๆสักหน่อย จู่ๆก็รู้สึกเจ็บจุกที่ใจขึ้นมาซะดื้อๆ 
ไม่!เขาต้องไม่หวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้ ช่ายสวีคุนแกห้ามทำตัวใฝ่ต่ำเหมือนฟ่านเฉิงเฉิงนะ ห้ามเด็ดขาด!!!
“ที่แกเปลี่ยนใจมาทำดีด้วยเพื่ออยากปิดปากฉันสินะ! ไอ้สารเลว!”จื่ออี้ไหวไหล่ไม่สนใจต่อคำด่าทอ ดวงตาคมกริบไม่แม้แต่จะชายตามองสวีคุนที่นั่งอยู่ข้างตำแหน่งคนขับ ตอนนี้อยากด่าอะไรเขาก็ด่าไปเถอะ เขาจะแกล้งทำเป็นหูทวนลมซะ เรื่องเฉิงเฉิงก็มีส่วน หากเขาไม่ปิดปากพี่ชายต่างมารดาของแฟนให้สนิท ช่ายสวีคุนต้องบอกเรื่องที่เขาข่มขืนอีกฝ่ายต่อฟ่านเฉิงเฉิงชัวร์ ที่สำคัญหลักฐานบนร่างกายของคนถูกกระทำมันชัดเจนคาตาเสียขนาดนี้ เขายังไม่อยากเลิกกับฟ่านเฉิงเฉิงตอนนี้หรอกนะ
“หายดีเมื่อไหร่ผมจะไม่รั้งคุณไว้เลย ระหว่างนี้ผมจะดูแลคุณเอง จะดูแลให้ดีที่สุด”
“ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ หวังจื่ออี้”พอๆกับที่ฉันไม่เข้าใจตัวเองในตอนนี้นั่นแหละ
.
.
.
.
.
“ค่อยๆนั่งนะครับ”ไม่ได้อยากจะพูดดีด้วยสักเท่าไหร่หรอก แต่เพื่อให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามแผนการ จื่ออี้ประคองร่างเล็กให้นั่งบนเตียง คนสวยมองสำรวจห้องเช่ากลางเก่ากลางใหม่ด้วยสายตาที่ไม่ปิดบังเลยสักนิดว่าจงใจดูถูก ภายในห้องไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมายนัก มีแค่เตียง โซฟา ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทานข้าวกลางห้อง สวีคุนกอดอกอย่างระมัดระวังตัว ก่อนจะตวัดสายตาขุ่นมัวไปที่ร่างสูง
 “ฉันอยากอาบน้ำ”จื่ออี้ระบายยิ้ม ก่อนจะรีบไปหยิบเสื้อผ้าพร้อมด้วยผ้าขนหนูในตู้ใกล้เตียง ชายหนุ่มส่งให้ร่างเล็กรับไป สวีคุนพิจารณาเสื้อแขนยาวสีชมพูอ่อนเนื้อบางในมือกับบ๊อกเซอร์ลายตารางขาวดำ คนสวยเบะปาก
“ไม่มีเสื้อที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ ผ้าขนหนูนี่ฉันก็ไม่อยากใช้ร่วมกับนายนะ บอกตรงๆว่าขยะแขยง”
“ผมเลือกตัวที่ดีที่สุดเท่าที่ผมมีให้คุณแล้ว อีกอย่างผมไม่ค่อยจะใส่เสื้อผ้าสีแบบนี้เท่าไหร่ ส่วนผ้าขนหนูผมเพิ่งซื้อมา คุณดูป้ายมันสิยังมีติดอยู่เลย สบายใจขึ้นรึยังครับคุณหนู”ไม่อยากจะพูดเถียงต่อ คนตัวเล็กเดินกระเผลกไปที่ประตูห้องน้ำด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ให้ผมช่วยอาบน้ำให้ไหม คุณอาบเองไหวรึเปล่า”ก่อนที่ประตูห้องน้ำจะถูกปิดลง จื่ออี้รีบตะโกนเอ่ยถาม
“ไม่ต้อง! ถ้าขืนแกเข้ามาฉันจะร้องให้คนมาช่วยจริงด้วย! ไม่มีทางที่ฉันจะไว้ใจแกจำไว้!!”
ปัง!!!!!!
ร่างสูงยกยิ้มมุมปาก เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกลางห้อง ดึงความสนใจจากชายหนุ่มให้เลิกมองไปที่บานประตูห้องน้ำด้วยประกายสายตาเจ้าเล่ห์ จื่ออี้รีบสาวเท้าไปกดรับสาย
 “ว่าไงครับคนดี คิดถึงพี่เหรอครับ”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม พลางสาวเท้าไปที่ระเบียง
 (ทำไมปิดเครื่อง เมื่อคืนผมโทรหาตั้งหลายสายหรือว่าแอบไปมีกิ๊ก! เมื่อไหร่พี่จะกลับมาปักกิ่ง ผมคิดถึงจะแย่แล้ว)
“....อีกสองสามวันน่ะ แล้วไม่ต้องกลัวว่าพี่จะไปแอบมีกิ๊กที่ไหนนะ พี่รักเราคนเดียว)เขาเคยโกหกเฉิงเฉิงไปว่ามาทำงานที่ต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้เรื่องที่เขาถูกครอบครัวของอีกฝ่ายส่งคนมารุมทำร้ายปางตาย มันคงไม่ดีเท่าไหร่หากคนรักต้องทะเลาะกับครอบครัวเพราะเขา
เขารักเฉิงเฉิงมาก สักวันนึงเขาอยากดีพอเพื่อคนรักของเขา อยากมีทุกอย่างให้ทัดเทียมฟ่านเฉิงเฉิง เพื่อที่ครอบครัวของอีกฝ่ายจะได้เลิกกีดกันพวกเขาสักที เคยวาดฝันไว้ว่าในสักวันเขาจะต้องได้แต่งงานกับเฉิงเฉิง และเขาจะต้องทำมันให้เป็นความจริงให้ได้ โดยจะใช้ช่ายสวีคุนเป็นบันได!
(ผมก็รักพี่...พี่จื่ออี้ ถ้ากลับมาเมื่อไหร่รีบโทรหาผมนะ ผมรีบจะไปหาพี่)
“โอเคครับ ไว้พี่จะซื้อถุงยางเตรียมไว้รอ”อาจจะมีแค่ฟ่านเฉิงเฉิงคนเดียวละมั้งในโลกนี้ ที่ทำให้เขายิ้มกว้างกว่าทุกคนที่เคยพบเจอมา
(ทะลึ่ง...แต่ซื้อมาเผื่อไว้หลายๆกล่องก็ดี คิกๆ ผมไม่กวนพี่แล้ว ตั้งใจทำงานนะครับ)ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ
.
.
.
.
.
“สวีทกันจังเลยนะ ฉันสมเพชชะมัดความรักจอมปลอมของพวกแกน่ะ”ช่ายสวีคุนทำให้เขาอารมณ์เสียได้เสมอ ถ้าฟ่านเฉิงเฉิงคือนางฟ้า ช่ายสวีคุนก็ไม่ต่างอะไรกับนางมารร้ายสำหรับเขาเลยสักนิด เป็นคนที่พรากความสุขของเขาให้จางหายไปภายในพริบตาเดียว
จื่ออี้พยายามสกัดกลั้นอารมณ์ไว้ ชายหนุ่มรีบปรับแววตาคุกรุ่นให้เป็นปกติอีกครั้ง จื่ออี้สาวเท้าไปใกล้ร่างเล็กที่มีผ้าขนหนูวางแหมะอยู่บนศีรษะ สวีคุนนั่งอยู่บนเตียงของเขาพร้อมกับพยายามจะเช็ดผมสีอ่อนที่เปียกชุ่ม พอมาอยู่ในเสื้อตัวนี้ของเขาร่างเล็กยิ่งโคตรน่ารังแก เสื้อแขนยาวเนื้อบางตัวใหญ่ปิดบ๊อกเซอร์ส่วนล่างเสียมิด ชายเสื้อสีหวานตกลงมาอยู่ที่กลางโคนขาอ่อนพอดี
“หิวรึยังครับ”ร่างเล็กรู้สึกขัดใจหน่อยๆที่ทำให้เจ้าของห้องอารมณ์เสียไม่สำเร็จ
“นิดหน่อย ฉันอยากโทรสั่งอาหารเอาโทรศัพท์แกมา”ดวงตาสวยจ้องไปที่โทรศัพท์ในมือร่างสูง แต่จื่ออี้ก็เลือกที่จะเก็บเครื่องมือสื่อสารไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง
“ผมจะต้มบะหมี่ให้”
“เอ๊ะ! ไม่ได้ยินที่ฉันบอกแกเมื่อกี้รึไง ฉันจะโทรสั่งอาหารเอาโทรศัพท์มาสิ!”คนสวยจิ๊ปากขัดใจ สวีคุนโยนผ้าขนหนูในมือใส่ร่างสูง ดวงตาสวยเต็มไปด้วยประกายเกรี้ยวโกรธ
“คุณมีเงินเหรอตอนนี้น่ะ ผมจะไปต้มบะหมี่ให้ทานรองท้องก่อน ตอนเที่ยงจะออกไปซื้อข้าวมาให้”มือเรียวที่กำหมัดจนแน่นทุบลงที่เบาะนอนข้างตัว ดวงตาสวยจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังเทก้อนบะหมี่ลงในถ้วยกระเบื้อง สวีคุนได้แต่ก่นด่าร่างสูงภายในใจ
.
.
.
.
.
ร่างเล็กทานบะหมี่พร้อมเจ้าของห้องจนหมดถ้วย ก่อนจะทานยาแก้ปวดกับแก้อักเสบตบท้าย ช่ายสวีคุนเดินกระเผลกกลับมาล้มตัวนอนบนเตียงที่ไม่ได้กว้างอะไรมากมายนัก
“เช็ดผมให้แห้งก่อนไหม เดี๋ยวจะเป็นไข้เอานะคุณ”จื่ออี้เดินมาล้มตัวนั่งข้างเตียงในมือมีผ้าขนหนู คนหน้าบึ้งจำต้องลุกขึ้นนั่งพิงพนักอย่างจำใจ สวีคุนขี้เกียจจะเถียงผู้ชายคนนี้ให้มากความแล้ว เขาเหนื่อย เขาอยากพักผ่อน อยากหายเป็นปกติเร็วๆ เพื่อที่เขาจะได้ไปให้พ้นๆจากห้องเท่ารูหนูนี้สักที
ตากลมโตเบือนหลบไปทิศทางอื่นขณะที่ชายหนุ่มใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้เขา เขาไม่ไว้ใจหวังจื่ออี้ พอๆกับไม่ไว้ใจหัวใจของตัวเอง มีไม่กี่วินาทีที่เผลอหันไปสบตาร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ใจเขากำลังพองโต ปฏิเสธไม่ได้ว่าเผลอใจเต้นแรงกับความอ่อนโยนที่กำลังได้รับ สวีคุนภาวนาให้เส้นผมของเขารีบๆแห้งสักที! 
ขณะหลับตาเขารู้สึกตัวอยู่เสมอ ตอนที่หวังจื่ออี้ทายาแก้ฟกช้ำให้เขาตามจุดต่างๆบนร่างกาย หลังได้ยินเสียงคนลุกออกไปจากเตียงนั่นแหละเขาถึงจะวางใจและหลับได้อย่างสนิท
.
.
.
.
.
ช่วงกลางคืนช่างเป็นอะไรที่ร้อนมากสำหรับเขา อากาศยี่สิบกว่าองศาแต่สามารถทำให้เขาเหงื่อแตกซิกได้แล้ว หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ เขาก็รู้สึกอยากนอนต่อ อาจจะเป็นเพราะร่างกายทำปฏิกิริยากับยาที่ทานด้วยมั้ง แต่เขาดันนอนไม่หลับเนี่ยสิ ที่สำคัญห้องนี้ไม่มีแม้แต่พัดลมเลยสักตัว แถมทีวีก็เก่ากึกเปิดดูได้แค่ช่องที่มีแต่ข่าว ไม่รู้ว่าหวังจื่ออี้ทนอยู่ในห้องแคบๆไร้สิ่งอำนวยความสะดวกไปได้ยังไง ร่างเล็กพลิกกายไปมาด้วยอาการกระสับกระส่าย
“นายหลับรึยัง”เอ่ยถามหวังจื่ออี้ที่กำลังนอนหนุนหมอนใบเก่าอยู่บนพื้นใกล้เตียง
“ทำไมครับ คุณนอนไม่หลับเหรอ”ร่างสูงลุกขึ้นมาดูอาการ พร้อมทั้งแสดงสีหน้าว่าเป็นห่วง
 “อือ ฉันร้อน ร้อนจนนอนไม่หลับ”สวีคุนลุกขึ้นนั่งพิงพนักบ้าง พลางใช้มือเรียวคว้าคอเสื้อที่สวมสะบัดไปมาให้เกิดลม
“อากาศออกจะดี”
“นั่นมันสำหรับนายไง! แต่สำหรับฉัน ฉันร้อน!”ตวัดสายตาไม่พอใจมองหน้าร่างสูงท่ามกลางความมืดสลัว
“งั้นผมจะใช้หนังสือพิมพ์พัดให้ละกัน คุณนอนต่อเถอะ”พยักหน้าส่งๆไปก่อนจะล้มตัวลงนอน คนตัวเล็กรีบตะแคงตัวหันหน้าไปอีกฝั่ง เมื่อจื่ออี้ล้มตัวลงนั่งข้างเตียง ชายหนุ่มใช้กระดาษหนังสือพิมพ์พัดจนเกิดลมเย็นฉ่ำมาโดนร่างกายของเขา ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มพึงพอใจ แอบหันหน้าไปชำเลืองมองเป็นครั้งคราว เขาเห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นป้องปากหาวอยู่เป็นระยะ
โชคดีที่ห้องนี้มืดมากพอ แม้จะมีแสงไฟจากด้านนอกส่องเข้ามาบ้างรำไร หวังจื่ออี้จะได้ไม่สามารถมองเห็นแก้มของเขาว่าตอนนี้มันแดงเรื่อมากแค่ไหน ยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดผู้ชายคนนี้มากเท่าไหร่ เขาก็พอจะเข้าใจฟ่านเฉิงเฉิงแล้วล่ะ ว่าทำไมมันถึงได้หลงรักผู้ชายที่มีแต่ตัวคนนี้...
หวังว่าความหวั่นไหวบ้าบอนี่ที่กำลังเกิดขึ้นกับเขา มันจะไม่กลายเป็นความรักเข้าสักวันหรอกนะ


................
#คลั่งรักจื่ออี้ 🙁 อยากให้มาต่อเร็วๆเม้นต์+กดถูกใจนะคะ ถ้าติดแท็กในทวิตให้ด้วยจะขอบคุณมากๆ 😊 ใครเข้าใจอารมณ์น้องคุนบ้าง ไม่เคยมีใครมาทำอะไรแบบนี้ให้ และตัวเองก็ขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็กๆ พอได้รับจากจื่ออี้ ถึงจะเป็นคนที่เกลียดก็มีหวั่นไหวบ้างแหละ

#คลั่งรักจื่ออี้ 3


#คลั่งรักจื่ออี้

จื่ออี้ลอบมองคนที่นอนสลบอยู่เป็นระยะ ชายหนุ่มเร่งเครื่องยนต์เพื่อให้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางที่เขาตั้งใจไว้เร็วขึ้น อีกอย่างเขาไม่อยากให้ช่ายสวีคุนตื่นขึ้นมาตอนที่เขากำลังขับรถอยู่ มันจะยิ่งเพิ่มความยุ่งยากให้แก่เขา ใช้เวลาขับรถราวสามสิบนาทีเขาก็เดินทางมาถึงโกดังแห่งหนึ่ง เมื่อก่อนเขาเคยทำงานที่นี่ แต่เมื่อกิจการปิดตัวลง เขาและคนงานอีกหลายสิบคนถูกบังคับลาออกโดยปริยาย
ตอนที่พาช่ายสวีคุนขึ้นรถเขาลังเลใจอยู่พอสมควรว่าจะพาอีกฝ่ายไปจัดการที่ไหน หากว่าพาไปที่ห้องเช่าของเขามันไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นัก ขืนช่ายสวีคุนแหกปากร้องเสียงดังละก็คนที่พักอยู่ห้องข้างๆคงได้โทรแจ้งตำรวจให้มาจับเขาแน่ และเขาก็ไม่อยากเสียเงินเปิดโรงแรมม่านรูดที่ไหนให้สิ้นเปลือง เพราะช่ายสวีคุนไม่ได้มีค่ามากพอขนาดนั้น เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของอีกฝ่ายให้มากมาย
สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงอย่างเดียวคือการได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายต่างหากล่ะ โดนข่มขืนบนกระดาษลังเก่าๆ ภายในห้องที่มีแต่กลิ่นอับชื้น มันย่อมสร้างความสะใจให้เขามากกว่าสถานที่ไหนๆอยู่แล้ว ร่างสูงกระตุกยิ้มร้าย ก่อนจะจัดการดับเครื่องยนต์ ชายหนุ่มอุ้มช่ายสวีคุนออกมานอกรถ
“ปิดปากให้เงียบล่ะ”จื่ออี้โยนกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ตรงกระเป๋ากางเกงด้านหลังของสวีคุนไปให้ยามเฝ้าประตูโกดัง
“ได้เลยลูกพี่! โห สวยสัส มึงไปได้มาจากที่ไหนวะ”วัยรุ่นหนุ่มในชุดรปภ.ชะเง้อคอมองด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยท่าทางหื่นกระหาย
 “มึงอย่าเสือกให้มาก แล้วเรื่องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด”เมื่อก่อนเขาเคยทำงานดูแลโกดังแห่งนี้เหมือนกับมันนั่นแหละ
 “กูไม่บอกใครหรอกเว้ย เงินหนาซะขนาดนี้ เชิญตามสบายครับเพื่อนรัก แต่ถ้าจะให้ดีก็ถ่ายคลิปส่งมาให้กูดูบ้าง”แกล้งพูดทีเล่นทีจริงด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะลุกจากโต๊ะตัวเก่ามาไขเปิดประตูให้ ชายหนุ่มในชุดรปภ.ผายมือเชื้อเชิญอดีตเพื่อนร่วมอาชีพให้เดินเข้าไปภายในสถานที่ปิดทึบ
“อย่ารุนแรงเหมือนคนก่อนๆล่ะ กูสงสาร หึ....กลัวผิวขาวๆของน้องคนสวยจะเป็นรอยช้ำ”
 “เสือก!”ว่าจบจื่ออี้ก็พยักพเยิดหน้าไปที่ประตู บังคับกรายๆให้เพื่อนของเขามันออกไปจากบริเวณนี้สักที เขาเห็นมันยกมือทั้งสองข้างขึ้นเสมอศีรษะเป็นการยอมแพ้ แต่ใบหน้าของมันกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มกวนประสาท จื่ออี้ส่ายหน้าหน่ายๆมองอดีตเพื่อนร่วมงานสาวเท้าเดินจากไป
และใช่ช่ายสวีคุนไม่ใช่คนแรกที่เขาพามาที่นี่ เขาเคยพาผู้หญิงมาใช้บริการที่โกดังแห่งนี้อยู่สามสี่ครั้ง พวกเธอล้วนแล้วแต่เต็มใจ เพราะบางครั้งหญิงสาวเหล่านั้นก็อยากมีเซ็กส์ในสถานที่ที่ตื่นเต้นเร้าใจมากกว่าม่านรูดหรือโรงแรมข้างทาง หลังจากที่โดนไล่ออกจากที่นี่ เขาเคยไปสมัครเป็นโฮสต์ ถ้าลูกค้าไม่กระเป๋าหนักจริงๆเขาจะไม่ออกมากับพวกเธอด้วยเด็ดขาด แต่เมื่องานเริ่มมีปัญหาเพราะสามีของผู้หญิงที่เป็นลูกค้าประจำของเขาตามมาระรานเขาถึงที่ทำงาน ทะเลาะต่อยตีกันจนต้องเข้าโรงพัก และเขาถูกเจ้านายไล่ออกทันที หลังจากวันนั้นเขาก็ไปสมัครเป็นพนักงานส่งอาหาร เรื่องที่เขาเคยทำงานเป็นพวกแมงดามาก่อนถูกเก็บเป็นความลับตลอดมา เขาจะไม่มีวันให้เฉิงเฉิงได้รู้เรื่องแย่ๆในอดีตเด็ดขาด เพราะแค่นี้เขาก็ไม่คู่ควรกับอีกฝ่ายมากพออยู่แล้ว
.
.
.
.
.
 จื่ออี้ย่อตัวลงพิจารณาชายร่างบางที่กำลังนอนสลบอยู่บนแผ่นกระดาษลัง ร่างสูงดึงแมสบนใบหน้าของเขาทิ้ง ดวงตาคมเต็มไปด้วยประกายโกรธแค้นขณะไล่สายตามองรูปร่างของช่ายสวีคุน หลอดไฟดวงเล็กที่สาดแสงสีส้มหม่นๆมากระทบใบหน้าของร่างเล็กยิ่งเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนให้อีกฝ่ายมากขึ้นเป็นหลายร้อยเท่า เขาไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าช่ายสวีคุนน่ะทั้งสวยและน่ารักถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายก็เถอะ หึ...แต่ถึงจะสวยมากแค่ไหน ทำนิสัยเลวขนาดนั้น คงไม่มีใครอยากได้เป็นเมียนักหรอก อย่างมากก็หวังฟันแล้วทิ้งละมั้ง จื่ออี้ลูบปลายคางได้รูปของตนเองพลางใช้สายตาโลมเลียร่างกายของคนหลับ
เมื่อผ่านไปราวสองนาทีเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลนัก ก่อนจะกลับมาพร้อมน้ำหนึ่งถัง จื่ออี้ไม่ลังเลใจที่จะสาดของเหลวสีใสในถังไปบนร่างกายของช่ายสวีคุน เพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมารับโทษทัณฑ์ ร่างสูงเขวี้ยงถังในมือทิ้งอย่างไม่ใส่ใจนัก
ชายหนุ่มย่อตัวลงมองผลงานของตนเองชัดๆ ช่ายสวีคุนกำลังเริ่มรู้สึกตัว คนตัวเล็กขยับเปลือกตาขึ้นลงช้าๆ คิ้วได้รูปขมวดชิดชนกัน มือเรียวทั้งสองข้างกอดห่อตัวเองไว้ด้วยความเหน็บหนาว
“.....แก!”หลังจากดวงตาหายจากอาการพร่าเลือน และเมื่อเขาได้เห็นบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆ หัวใจของเขาหล่นล่วงไปที่ปลายเท้าทันทีด้วยความหวาดกลัวจับใจ คนตัวเล็กรีบขยับกายขึ้นนั่ง คนสวยนิ่วหน้าเพราะความเจ็บจุกบริเวณหน้าท้อง จนต้องรีบเอามือข้างนึงมากุมท้องไว้
ดวงตากลมโตสั่นเลิกลั่กยามที่กวาดมองไปรอบๆสถานที่ ที่หวังจื่ออี้ลักพาตัวเขามา ที่นี่ค่อนข้างมืด มีหลอดไฟเล็กๆไม่กี่ดวงที่เปิดทิ้งไว้ รอบกายเขาเต็มไปด้วยกล่องลังที่มีกลิ่นอับชื้น แถมฝุ่นและหยากใย่ก็เยอะมาก ที่สำคัญเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประตูทางออกมันอยู่ตรงไหน สวีคุนรีบนำมือมาปิดจมูกตามประสาคนรักสะอาด ตาสวยวูบไหวและเอ่อคลอหยาดน้ำตา เขาต้องหนี ต้องหนีไปจากที่แห่งนี้ให้ได้! เมื่อสะบัดใบหน้ากลับมาจากการสำรวจสถานที่ เขาพบว่าหวังจื่ออี้มันกำลังส่งยิ้มชวนขยะแขยงมาให้เขา
 “สวัสดีครับคุณหนู”จื่ออี้แสร้งพูดดีประชด
“แกอยากได้เงินกี่หยวนล่ะ ฉันจะโทรให้ป๊าโอนให้! แล้วแกก็รีบๆปล่อยฉันไปสักที!”ต่อให้เข้าตาจนและเป็นรองอยู่มาก แต่เขาจะไม่แสดงความอ่อนแอให้มันเห็น
“เงินน่ะผมไม่อยากได้หรอก...ตอนนี้มันไม่ได้สำคัญสำหรับผมอีกแล้ว”แกล้งพูดวางมาดไปงั้นแหละ สำหรับเขาเงินน่ะสำหรับกว่าอะไรทั้งหมดเสียอีก แต่เพราะเขาไม่ได้อยากได้มันจากช่ายสวีคุนยังไงล่ะ อีกอย่างจะให้ว่าที่ลูกเขยไปขอเงินจากว่าที่พ่อตาได้ยังไงกันล่ะ เหอะ! เขาเห็นสวีคุนคลำไปตามร่างกายเพื่อหาโทรศัพท์ โง่ชะมัด ใครจะปล่อยให้เหยื่อมันพกของแบบนั้นติดตัวมาด้วยกันวะ
“เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน! แกเอาโทรศัพท์ของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน เอามานะ เอามาเดี๋ยวนี้!!”สวีคุนมองไปรอบๆกาย ก่อนจะหันกลับมาประสานสายตากับร่างสูง   
“....หึ”จื่ออี้หัวเราะในลำคอมองท่าทีรนรานนั่น
“ถ้าป๊ารู้ว่าแกทำกับฉันแบบนี้ ป๊าต้องส่งคนมาฆ่าแกแน่ไอ้เศษสวะชั้นต่ำ!”พยักหน้าเชื่องช้าอย่างไม่ยี่หระ เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะถูกใครตามเก็บบ้าง คิดเหรอว่าเขาจะยอมให้เรื่องมันดำเนินไปแบบนั้น ไม่มีทาง!
“ถ้างั้นก่อนตาย กูขอทำให้คนอย่างมึงตายทั้งเป็นก่อนแล้วกัน...ช่ายสวีคุน”ขยับตัวเข้าไปใกล้ลูกแมวตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัวจนตัวสั่นระริก สวีคุนพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกมือหนาฉุดกระชากด้วยแรงมหาศาล กระทั่งร่างกายของร่างเล็กล้มตึงลง ก่อนจะถูกทำร้ายด้วยหมัดหนักหน่วงเข้าที่หน้าท้องซ้ำๆหลายครั้ง
ผั้วะ ผั้ว ผั้ว!!!!
 “ฮรึก...ฮึก”สวีคุนเจ็บปวดจนต้องร้องไห้สะอื้นออกมา ร่างเล็กนอนคุดคู้กับพื้นด้วยความเจ็บปวดที่เกินจะรับไหว ถึงเขาจะรู้สึกตัวอยู่แต่เขาก็ขยับร่างกายได้ลำบากเหลือเกิน สวีคุนใช้มือทั้งสองข้างกุมหน้าท้องของตัวเอง ดวงตาสวยเต็มไปด้วยความโกรธแค้นขณะจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของบุคคลที่เกลียดชัง ถ้าเขาหนีรอดออกไปได้เมื่อไหร่ เขาจะกลับมาฆ่ามันแน่ เขาจะฆ่าหวังจื่ออี้ด้วยมือของเขาเอง!
“นี่!....ไอ้สารเลวแกจะทำอะไร ปล่อย! แกจะทำอะไรฉัน!!”จู่ๆหวังจื่ออี้มันก็ฉุดกระชากตัวเขาขึ้นมาจากพื้น ไอ้สารเลวนั่นจัดการมัดมือเขาไพ่หลังผูกติดไว้กับเสาใกล้ๆ
ก่อนมันจะหมุนตัวเดินหายไป ณ บริเวณที่มีแต่ความมืดมิดไร้แสงไฟสาดส่องถึง ทางที่มันเดินหายไปอาจจะเป็นทางออกจากโกดังบ้าๆนี่ก็ได้ เขาพยายามดิ้นขัดขืนถึงจะทำได้ลำบากก็เถอะ เรี่ยวแรงของเขาแทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว ที่สำคัญอวัยวะบางจุดในกายกำลังร้อนผ่าวผิดปกติ มันไม่ควรจะมาเกิดขึ้นในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ เขาต้องโดนมันวางยาแน่นอนตั้งแต่ตอนที่อยู่ในผับ ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคับแค้นใจมากขึ้น
เมื่อกี้แค่โดนมือของมันแตะเนื้อต้องตัวนิดๆหน่อยๆ เขายอมรับว่ารู้สึกดีมาก ร่างกายของเขากำลังต้องการสัมผัสจากมัน เขาเกลียดที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ริมฝีปากอิ่มขบกัดเข้าหากัน สวีคุนพยายามควบคุมความรู้สึกที่กำลังลุกโชน แม้จะทำได้ยากเย็น ข้อมือเรียวขยับเสียดสีไปมาหวังคลายเส้นเชือกหนา ทว่ายิ่งขยับข้อมือเส้นเชือกหยาบๆก็ยิ่งบาดเข้าไปในผิวเนื้อขาวจนเลือดไหลซิบ คนตัวเล็กนิ่วหน้าทรมาน
.
.
.
.
.
  “เรามาเล่นอะไรสนุกๆกันเถอะ คุณหนูคนสวย”ดวงตาสวยที่เต็มไปด้วยประกายเกลียดชังเบิกกว้างขึ้นกว่าทุกๆครั้ง ช่ายสวีคุนส่ายหน้าระรัว เมื่อเห็นว่ามันสาวเท้าเข้ามาใกล้พร้อมกับวัตถุบางอย่างในมือ
“ไอ้สารเลว! ฮรึก...ไม่ ไปให้พ้น!!!”
“ก็แค่จะวอร์มรูมึงให้พร้อม ก่อนเจอของจริง...ที่ใหญ่กว่านี้”จื่ออี้แสยะยิ้ม ชายหนุ่มคว้าหมับที่เอวคอดของร่างเล็กแสนพยศ ขนาดว่าเขาทั้งมัดมือทั้งชกไปเสียตั้งหลายหมัด แต่ช่ายสวีคุนก็ยังมีเรี่ยวแรงขัดขืนเขา ถึงจะน้อยมากก็เถอะแต่มันก็สร้างความน่ารำคาญให้แก่เขาอยู่ดีแหละ จื่ออี้พยายามเมินเฉยต่อเท้าที่เตะสะเปะสะปะเบาๆมาโดนที่หน้าขาของเขา
ชายหนุ่มจัดการกระชากกางเกงรัดรูปพร้อมด้วยบ็อกเซอร์หลุดติดมือมาในคราวเดียว ก่อนจะโยนอาภรณ์ในมือทิ้งข้างกายร่างเล็ก ใบหน้าสวยเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ช่ายสวีคุนสะบัดใบหน้าหนีด้วยความอดสู ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเขาได้มากเท่ามันมาก่อน เขาไม่เคยต้องรู้สึกสิ้นหวังมากขนาดนี้ สวีคุนไม่อาจจะทนมองหวังจื่ออี้ที่กำลังพยายามรังแกร่างกายของเขาได้
“แกไม่รู้สึกผิดต่อฟ่านเฉิงเฉิงบ้างเหรอ....แกรักมันมากนิ มันไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกนะ หากว่าแก...จะทำร้ายพี่ชายของแฟนตัวเอง”พยามพูดเกลี้ยกล่อม ตอนนี้ตัวเขาไม่มีอะไรจะเสียแล้วจริงๆ
“ถุ้ย! เลิกพล่ามสักที! กูอนุญาตให้มึงครางได้อย่างเดียว!!”ร่างสูงถ่มน้ำลายใส่ขวดโรลออนขนาดยาว จากนั้นเขาก็นำของเล่นชิ้นนี้ไปจ่อที่ช่องทางสีชมพูของช่ายสวีคุน ก็แค่อยากเล่นอะไรสนุกๆก่อนเอาจริงน่ะนะ
“อ้ะ!!!...โอ๊ยยยย...ฮึก ไม่!!!!”ช่ายสวีคุนกรีดร้องทันทีเมื่อมีวัตถุแปลกปลอมถูกสอดใส่เข้ามาในช่องทางของเขา ร่างเล็กน้ำตาคลอเบ้า รู้สึกทรมานเหมือนคนใกล้ตายยังไงยังงั้น ยิ่งเมื่อก้มลงไปมองสิ่งที่หวังจื่ออี้กำลังกระทำกับร่างกายของเขา เขาก็ยิ่งอยากกัดลิ้นให้ตัวเองนั้นตายๆไปซะ คิดได้ดังนั้นเขาก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะทำมัน สวีคุนหลับตาลงหลีกหนีความจริงก่อนจะพยายามกัดลิ้นตัวเอง ร่างสูงวาดยิ้มมุมปากขณะกระแทกขวดโรลออนเข้าใส่ร่างกายของคนตัวเล็ก เสียงดังเฉอะแฉะทุกครั้งยามที่วัตถุกลมยาวสัมผัสครูดกับผิวเนื้ออ่อนนุ่ม
“หึ...มีเลือดออกมาด้วยดูสิครับ คุณหนู”แกว่งโรลออนเปื้อนเลือดโชว์ด้วยความสะใจ มือหนากระชากผมของช่ายสวีคุนบังคับให้แหงนเงยหน้าขึ้นมามองสิ่งที่อยู่ในมือของเขา เขาสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของอีกฝ่ายมีเลือดไหลเปรอะข้างๆมุมปาก จื่ออี้รู้ได้ทันทีว่าช่ายสวีคุนคิดจะทำอะไร รับไม่ได้จนถึงขั้นคิดอยากฆ่าตัวตาย ไม่อยากเป็นเมียเขาขนาดนั้นเชียว หึ! ก็ดี.... สิ่งไหนที่ช่ายสวีคุนรังเกียจ เขายิ่งอยากยัดเยียดมันให้  
 “ฮรึก....ไอ้ทุเรศ!!!”คนสวยตวาดใส่หน้าพร้อมทั้งจ้องประสานสายตาอย่างท้าทาย สวีคุนนิ่วหน้าเมื่อร่างสูงเพิ่มแรงกระชากเส้นผมบนศีรษะ
 “จะบอกอะไรให้นะ....สิ่งที่คุณโดนตอนนี้ มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่คุณเคยทำไว้กับผม วันนั้นผมต้องเจ็บปางตายก็เพราะคุณ!”สวีคุนไล่สายตามองใบหน้าของจื่ออี้ที่ยังคงมีร่องรอยฟกช้ำ ดวงตากลมโตวูบไหว ก่อนคนสวยจะเบือนหน้าหนี ยังไงซะเขาก็ไม่ผิด! หมอนี่สมควรโดนเขาสั่งสอนแล้ว เพราะมันบังอาจมายุ่งกับคนของตระกูลเขา จนแล้วยังไม่เจียมกะลาหัวตัวเอง!
“ยังไงซะแกก็ไม่มีทางได้สมหวังกับฟ่านเฉิงเฉิง ป๊าฉันเขาไม่มีวันยกลูกของเขาให้ไอ้กุ๊ยชั้นต่ำอย่างแกหรอก!”เหมือนประโยคนี้จะแทงใจดำหวังจื่ออี้เข้าเต็มๆ ร่างสูงพยักหน้าสองสามครั้งด้วยสายตาวาวโรจน์ ชายหนุ่มเลื่อนสายตาลงต่ำเขาวางสายตาที่ช่องทางของร่างเล็กซึ่งกำลังขมิบรอบางสิ่งบางอย่างเติมเต็ม
เสียงปลดเข็มขัดและรูดซิปลง ส่งผลทำให้ใบหน้าสวยต้องรีบหันกลับมามองการกระทำของคนเบื้องหน้า ดวงตาสวยเบิกค้าง สวีคุนพยายามจะหุบขาตัวเองให้แนบชิดกัน แต่ไม่นานกลับถูกฝ่ามือหยาบกร้านของคนทำงานหนัก จัดการแยกเรียวขาของเขาให้ออกจากกัน ช่องทางสีชมพูเต้นขมิบเด่นหราต่อหน้าต่อตาร่างสูง คนตัวเล็กสั่นศีรษะปฏิเสธสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังจะยัดเยียดให้เขาทั้งน้ำตา
 “อย่าทำกับฉันแบบนี้ ฉันยอมให้แกฆ่าฉันซะยังจะดีกว่า ฉันไม่อยากเป็นเมียแก!!!”จื่ออี้กระตุกยิ้มร้าย ชายหนุ่มแยกเรียวขาขาวเนียนให้อ้าออกกว้างมากขึ้น ก่อนจะสอดตัวเองเข้าไปอยู่กึ่งกลางร่างกายของสวีคุน ร่างสูงชักรูดอาวุธประจำตัวเพื่อเตรียมมันให้พร้อมสำหรับออกศึก
“มึงเองก็น่ารังเกียจไม่ต่างจากกูเลยช่ายสวีคุน กูจะสั่งสอนให้มึงสำนึกสิ่งที่มึงเคยทำไว้กับกู!”ว่าจบเขาก็เอื้อมมือไปหยิบถุงยางจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง และจัดการซีกซองสีเงินนั่นด้วยริมฝีปากของเขา ก่อนจะนำมาสวมที่แท่งร้อนพร้อมใช้งาน ร่างสูงไม่ได้ถอดกางเกงออก เขาทำเพียงแค่ปลดเข็มขัดและรูดชิปลงเท่านั้น
กับช่ายสวีคุนเขาไม่ได้ต้องการทำเหมือนเป็นการร่วมรัก ไม่เหมือนกับตอนที่เขามีอะไรกับฟ่านเฉิงเฉิง สิ่งที่เขาชอบมากที่สุดคือการได้กอดรัดคนรักของเขาในแบบเนื้อแนบเนื้อ นั่นแหละความหมายของการร่วมรักสำหรับเขา แต่กับช่ายสวีคุนเขาต้องการเพียงยัดเยียดเซ็กส์ที่ป่าเถื่อนให้ เพราะเขาเองก็รังเกียจอีกฝ่ายไม่ต่างกัน ขนาดว่ายังไม่โดนเยจริงๆยังขมิบรอเขาขนาดนี้ หึ...น่าสมเพช ปากบอกว่าเกลียด แต่ร่างกายกลับโหยหาสัมผัสจากเขา จื่ออี้เอี้ยวตัวไปปลดเชือกที่ด้านหลังช่ายสวีคุนให้คลายออกเล็กน้อย เพื่อให้มันไม่เป็นปัญหามากนักในเซ็กส์ครั้งนี้
.
.
.
.
.
“....อ๊ะ อ๊าาาา!!!!”ปากอิ่มส่งเสียงครางข้างหูร่างสูง สวีคุนแทบไม่มีสติยามที่จื่ออี้กระแทกเข้าโดนจุดกระสัน ท่อนขาเรียวถูกชายหนุ่มยกไปพาดที่บ่ากว้าง พยายามบังคับจิตใจและสติของตัวเองที่มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิดไม่ให้คล้อยตามสัมผัสน่ารังเกียจ ทว่าในที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถทำได้ หวังจื่ออี้เก่งเกินไป ที่สำคัญเขาโดนยาปลุกเซ็กส์เล่นงาน มันยากเย็นเหลือเกินที่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอไผลไปกับสัมผัสหยาบกระด้างนี้ ทั้งๆที่สวีคุนหลับตาแต่หยาดน้ำตามากมายกลับไหลรินออกมาจากดวงตาสวย มันทั้งสุขสมและเกลียดชังตัวเองไปพร้อมๆกัน
“....อ้ะ!!!”เซ็กส์ครั้งแรกของเขาไม่มีจุมพิตรสหวาน ไม่มีสัมผัสที่อ่อนโยน แตกต่างจากจินตนาการของเขาที่เคยวาดฝันเอาไว้อย่างสวยหรู สวีคุนเคยฝันว่าถ้าจะมีเซ็กส์กับใครสักคนนึง คนๆนั้นต้องรักเขาจริงๆ และใช่เขาเองก็ต้องรักผู้ชายคนนั้นด้วยเช่นกัน พวกเราปรนเปรอสัมผัสแสนเร่าร้อนให้กันบนเตียงนุ่มในสถานที่ที่มีแค่เราสองคน
แล้วดูตอนนี้สิ...เขาต้องเสียความบริสุทธิ์ในครั้งแรกให้กับหวังจื่ออี้ ผู้ชายที่น่ารังเกียจที่สุด!คนตัวเล็กเอียงหน้าหนีริมฝีปากที่เข้ามาคลอเคลียแถวซอกคอ สวีคุนเม้มปากฉับ เมื่อจื่ออี้เคลื่อนใบหน้าและริมฝีปากมาที่สองเต้าของเขา เม็ดบัวสีหวานถูกดูดเลียอย่างมูมมาม จื่ออี้ใช้ฟันคมกัดก่อนจะจัดการดูดแรงๆ ชายหนุ่มทำเช่นนั้นสลับไปมาทั้งสองเต้า 
“อ้าาาา จื่ออี้!!!!!”เสียงครางหวานหูดังขึ้นทุกขณะ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มสะใจ จื่ออี้จัดการกระแทกแรงๆเน้นๆที่จุดกระสันของร่างเล็กไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้ง ไม่ถึงสิบวินาทีสวีคุนก็ปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งแรก หลังจากที่พวกเขามีเซ็กส์กันเกือบสามสิบนาที
หลังจากที่ช่ายสวีคุนได้ปลดปล่อยแล้วก็เป็นทีเขาบ้าง ร่างสูงจัดการแก้มัดสวีคุนแล้วอุ้มมาวางที่แผ่นกระดาษลังเก่าๆ ก่อนจะจัดการชำแรกกายเข้าไปในตัวคนสวยอีกครั้ง เลือดที่ไหลลงมาเปรอะเปื้อนโคนขาขาวไม่ได้ทำให้เขาลดจังหวะของแรงกระแทกลงแม้แต่น้อย
จื่ออี้ยกยิ้มสะใจ ชายหนุ่มก้มลงขบเม้มผิวเนื้อขาวเนียน กระทั่งผิวขาวเกิดเป็นรอยจ้ำแดงเต็มไปหมด มือเรียวแนบค้ำยันที่อกแกร่งหวังให้อีกฝ่ายชะลอจังหวะลงบ้าง เพราะตอนนี้เขาเจ็บจนแทบสิ้นสติ สวีคุนมองส่วนล่างที่โดนร่างสูงกระทำแทบไม่หยุดพัก เลือดที่ผสมน้ำรักขาวขุ่นไหลเปรอะไปทั่วช่องทางของเขา ต่อให้เขาร้องไห้แทบขาดใจก็คงไม่ได้รับความเมตตาจากหวังจื่ออี้
“ฮึก...อ้ะ...อ้าาา ช้า...ลงหน่อยได้ไหม”ในจังหวะนั้นที่เขาเปล่งเสียงแห้งผากออกไป เขาเผลอสบตากับร่างสูงเข้า ดวงตาสวยแดงก่ำกระพริบตาปริบ มองการกระทำของคนที่จงใจทำร้ายเขาอย่างไม่เข้าใจนัก
“อื้ม~”หวังจื่ออี้จูบเขา และตัวเขาก็กลับยอมเปิดโพรงปากให้มันได้สอดลิ้นเข้ามาลิ้มลองรสชาติอย่างง่ายดาย เขาเกลียดตัวเองที่สุด ตัวเขาในตอนนี้น่ารังเกียจยิ่งกว่าหวังจื่ออี้เป็นไหนๆ!

......................
ฝากเม้นต์และติดแท็กในทวิตด้วยนะคะ
 ขอบคุณค่ะ 😊

#คลั่งรักจื่ออี้ 2


#คลั่งรักจื่ออี้

เกือบหนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่เขาต้องนอนซมอยู่ภายในห้องเช่า เพราะไม่สามารถออกไปทำงานทั้งในสภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ อีกทั้งบาดแผลตามร่างกายก็ยังไม่หายดี เขาต้องหยุดเรียน และใช่เขาโดนร้านที่ทำงานส่งอาหารไล่ออกเพราะขาดงานติดกันหลายวัน ในช่วงสองสามวันแรกเขาแทบจะขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ โชคยังดีที่เพื่อนสนิทของเขาซึ่งพักอยู่ห้องข้างๆกัน มันคอยซื้อข้าวซื้อยามาให้
ส่วนฟ่านเฉิงเฉิงคนรักของเขาอีกฝ่ายยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้เรื่องนี้ ตอนคุยโทรศัพท์กันเขาโกหกไปว่าต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ถ้าเฉิงเฉิงแวะมาหาเขาและเห็นเขาในสภาพแย่ๆแบบนี้อีกฝ่ายจะเสียใจซะเปล่าๆ และอาจจะผิดใจกับพวกญาติพี่น้องได้
เขาก็รู้นะว่าครอบครัวของคนรักไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่ก็ไม่นึกเลยว่าจะรังเกียจเขาจนขนาดคิดฆ่าแกงกันเป็นผักปลา ถ้าวันนั้นไม่มีใครขับรถผ่านมาพบเขา ที่กำลังหายใจรวยรินรอความตายอยู่ข้างๆถนนใกล้กับป่ารกร้าง เขาอาจจะตายไปแล้วจริงๆนั่นแหละ เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายหลังฟื้นคืนสติพยายามกระเสือกกระสนร่างกาย ทั้งล้มลุกคลุกคลานออกมาจากป่าที่ทั้งชื้นแฉะและอากาศก็หนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจ ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง
เขาฟื้นขึ้นมาในเช้าของวันถัดมาที่โรงพยาบาล ด้วยเพราะไม่มีเงินมากพอจ่ายค่ารักษา อีกทั้งเขาไม่อยากโทรไปหยิบยืมใคร นอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลได้เพียงสองวัน เขาก็ต้องพาร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของตนเองกลับมาพักฟื้นที่ห้องเช่าแทน            
“ยาล้างแผลกับข้าวต้ม กูซื้อมาให้แล้ววางนี่นะ”จื่ออี้พยักหน้าขอบคุณเพื่อนสนิท หลินเยี่ยนจวิ้นวางของในมือลงที่โต๊ะกลางห้อง ก่อนจะเดินมาล้มตัวลงนั่งที่เตียงข้างๆเขา            
“เป็นไงบ้างวะอาการดีขึ้นยัง หน้ามึงดีขึ้นกว่าวันก่อนเยอะนะ รอยช้ำก็ดูจางลงบ้างแล้ว”เยี่ยนจวิ้นพินิจพิเคราะห์ใบหน้าของเพื่อนสนิท มันไม่ได้บอกอะไรเขามากมายนัก แค่บอกว่ามีเรื่องกับพวกนักเลงหัวไม้เลยโดนซ้อม แต่ดูก็รู้ว่ามันน่าจะปิดบังอะไรบางอย่างกับเขา ตัวเขาเองไม่อยากไปเซ้าซี้อะไรมันมากตามประสาเพื่อนผู้ชายนั่นแหละ ถ้ามันอยากเล่าให้เขาฟังก็คงเล่าเอง            
“กูอยากทำงาน ผับมึงมีงานว่างไหมวะ”อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของฟ่านเฉิงเฉิง เขาอยากซื้อของขวัญดีๆให้อีกฝ่าย เพราะอย่างนั้นตอนนี้เขาจึงต้องเร่งเก็บเงินเป็นพิเศษ             
“เข้าใจว่าต้องกินต้องใช้ แต่...หน้ามึงกับแผลตามตัว กูว่าให้มันหายชัวร์ๆก่อนเหอะค่อยว่ากัน”          
“กูดีขึ้นแล้ว ใส่แมสไปทำงานก็ได้นี่หว่า มึงช่วยพูดกับเสี่ยให้หน่อยกูอยากทำงานที่ผับมึงจริงๆว่ะ”เยี่ยนจวิ้นมันทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ผับกลางเมืองหรูหราใช้ได้เลยล่ะ ไหนๆเขาก็โดนที่ทำงานเก่าไล่ออกแล้ว ถ้าได้ทำงานในผับที่เพื่อนสนิทของเขาทำงานอยู่ก็คงดีไม่น้อย เขาไม่เกี่ยงงานหรือหน้าที่อยู่แล้ว ขอแค่ได้เงินเป็นพอ           
“มึงนี่จริงๆเลยนะ พักให้หายดีก่อนก็ไม่ได้จะขยันไปไหนวะ รีบเก็บเงินไปสู่ขอเมียรึไง”          
“กูจะเก็บเงินซื้อของขวัญวันเกิดให้แฟนกู”          
“ที่ขาวๆรวยๆอะนะ เขารักมึงจริงๆแน่เหรอวะ กูไม่เห็นทางเลยวะมึงกับเขาต่างกันเกินไปพูดตามตรง”จื่ออี้ชักสีหน้าใส่เพื่อนปากดี เยี่ยนจวิ้นส่งยิ้มแหยๆให้จื่ออี้ เมื่อรู้ว่าอีกคนเริ่มไม่พอใจกับคำพูดของเขา
“กูขอโทษว่ะ”            
“เออช่างมันเหอะ กูจะปล่อยผ่านแต่มึงต้องไปคุยกับเสี่ยเจ้าของผับให้เขารับกูเข้าทำงาน”          
“คืนนี้กูจะพูดกับเสี่ยให้ มึงก็กินข้าวกินยาเถอะ กูไม่กวนมึงแล้ว บาย”ร่างโปร่งผุดตัวลุกขึ้น พร้อมกับเอ่ยลาเพื่อนสนิท จื่ออี้พยักหน้ารับรู้            
.
.
.
.
.
น้อยครั้งที่ช่ายสวีคุนจะมาสถานที่อโคจรแบบนี้ หากมีเรื่องไม่สบายใจมากๆนั่นแหละเขาถึงจะมาดื่มที่นี่ เสียงเพลงจังหวะเบสหนักๆ ผู้คน และเหล้าดีๆ คงทำให้เขาลืมใครบางคนได้ไม่อยาก...เมื่อตอนเย็นเขาเพิ่งจะโดนรุ่นพี่ที่ตัวเองเคยแอบปลื้มบอกเลิก หึ...ทั้งๆที่เพิ่งจะลองคุยกันได้แค่สองเดือนเท่านั้น เป็นเขาที่เอ่ยขอโอกาสจากเจิ้งรุ่ยปินก่อน ทว่าสุดท้ายฝ่ายนั้นก็ให้เหตุผลในการเลิกรากลับมาว่ารับไม่ได้กับความเอาแต่ใจของเขา
มันก็เหมือนกับคนก่อนๆไม่มีผิด... หรือว่าเขาจะไม่เหมาะกับการมีแฟนจริงๆ เขาอิจฉาฟ่านเฉิงเฉิง เขาอิจฉามันมาก สวีคุนยังจำคำพูดของคนรักของน้องชายต่างสายเลือดได้ดี    
“ไม่มีทาง... แค่กๆ... กูไม่มีทางเลิกยุ่งกับเขา”
เจ็บเจียนตายขนาดนั้นหมอนั่นยังกล้าพูดคำๆนั้นออกมา....รักมันมากเลยรึไงฟ่านเฉิงเฉิงน่ะ!!! แล้วเขาล่ะจะมีใครบ้างในโลกนี้ที่จะรักเขาจนยอมตายได้.... เขาเกลียดฟ่านเฉิงเฉิงที่สุด มันได้ทุกสิ่ง...ที่เขาอยากได้ไปครอบครอง          
คนตัวเล็กนั่งดื่มเงียบๆคนเดียว บริเวณโซนวีไอพีบนชั้นสองของผับ ดวงตาสวยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา สวีคุนมองลงไปด้านล่างที่เต็มไปด้วยนักท่องราตรี ซึ่งกำลังเต้นไปตามจังหวะของเสียงเพลงอย่างเมามัน ริมฝีปากสีเชอร์รี่แสยะยิ้มให้กับเรื่องราวที่ผ่านมาของตนเอง ก่อนจะยกแก้ววิสกี้ในมือขึ้นดื่มรวดเดียวหมด            
.
.
.
.
.
หวังจื่ออี้กำลังพิจารณารูปร่างและซีกหน้าของใครบางคน ถ้าเขาจำไม่ผิด...ช่ายสวีคุนพี่ชายของฟ่านเฉิงเฉิง ยิ่งขยับปลายเท้าเข้าไปใกล้ เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าต้องใช่แน่ๆ และมันก็จริงอย่างที่เขาสันนิษฐานไว้
ร่างสูงพยายามข่มอารมณ์ไว้ มือหนาจิกกำถาดที่ตัวเองถือจนบริเวณหลังฝ่ามือขึ้นเป็นเส้นเลือดปูดโปน เขาใส่ทั้งหมวกแก๊ปและแมสปิดหน้า ไม่มีทางที่ช่ายสวีคุนจะจำเขาได้ ดวงตาแข็งกร้าวจดจ้องไปที่ร่างเล็ก บริเวณนี้ไม่ค่อยมีใครมานั่งดื่มกันหรอกเพราะเป็นโซนวีไอพี มีลูกค้ากระเป๋าหนักแค่ไม่กี่โต๊ะเท่านั้น เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่จะนั่งกินดื่มและเต้นกันที่โซนด้านล่าง เขามาทำงานที่นี่ได้สามวันแล้ว ต้องขอบใจไอ้เยี่ยนจวิ้นที่ช่วยพูดกับเสี่ยเจ้าของผับจนตกลงรับเขาเข้าทำงาน            
ร่างสูงวางขวดวิสกี้ราคาเหยียดแสนหยวนลงบนโต๊ะของคนตัวเล็ก ทว่าสายตาของชายหนุ่มอดที่จะสำรวจไปทั่วเรือนร่างพี่ชายต่างสายเลือดของคนรักไม่ได้ ช่ายสวีคุนในชุดตาข่ายซีทรูสีดำสวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน กับกางเกงรัดรูปมีรอยขาดบริเวณขาอ่อนและหัวเข่าโชว์ผิวเนื้อขาวเนียน ลำคอระหงประดับด้วยโชคเกอร์เส้นเล็กๆสีดำ ยิ่งช่วยเพิ่มความเซ็กซี่ร้อนแรงให้กับอีกฝ่าย ยอมรับว่าเขาเผลอไผลไปมากกับรูปลักษณ์ภายนอกของช่ายสวีคุน จนเผลอมองอย่างไม่วางตา กระทั่งได้ยินเสียงจากร่างเล็กเขาถึงได้หลุดออกมาจากภวังค์            
“ไสหัวของแกไปได้แล้ว เกะกะสายตา!”นางมารร้ายก็ยังเป็นนางมารร้ายอยู่วันยันค่ำนั่นแหละ หึ... ชายหนุ่มค้อมศีรษะ ก่อนจะเดินล่าถอยออกมา           
ถ้าเขาปล่อยเนื้อชิ้นนี้ไป...เขาก็คงโง่เต็มที! ในเมื่อเหยื่อมันมารอให้เขาขย่ำถึงที่ คืนนี้เขาจะสอนให้ช่ายสวีคุนรู้ว่าเขามันเลวและชั่วได้มากแค่ไหน... เขาจะตอบแทนสิ่งที่คนสวยเคยทำไว้กับเขาอย่างสาสมที่สุด หวังจื่ออี้จุดยิ้มมุมปาก ขณะที่ดวงตาคมจ้องมองไปแผ่นหลังบางของช่ายสวีคุน
.
.
.
.
.
“เอามา!”เยี่ยนจวิ้นส่ายหน้าปฏิเสธ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่หวังจื่ออี้มันเอ่ยขอบางอย่างกับเขา ซึ่งเขาไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ ร่างโปร่งเห็นเพื่อนสนิทเริ่มโมโหมากยิ่งขึ้น            
“บอกเหตุผลกูมาก่อน ทำไมมึงถึงอยากได้มัน”มันในที่นี้คือยาปลุกเซ็กส์ และใช่เขามีมันติดตัว แต่เขาก็ไม่เคยใช้ยาชนิดนี้กับคนอื่นนอกจากแฟนตัวเองหรอกนะ อาจจะดูขัดแย้งกับบุคลิกภายนอกของเขาเสียหน่อยที่ดูเป็นคนสุภาพ เพราะเขามีรสนิยมชอบมีเซ็กส์แบบรุนแรง ไม่แปลกที่จะมีของเล่นชนิดนี้ติดตัว และไอ้จื่ออี้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนของเขามันก็รู้เรื่องนี้ดี            
“มึงเห็นคนๆนั้นไหม....คนที่ใส่แจ็คเก็ตสีน้ำเงิน”เขามองไปตามสายตาของเพื่อนสนิท ดวงตาของมันแข็งกร้าวขึ้นเวลามองไปที่คนๆนั้น
“ทำไมวะ ดูสวยเซ็กซี่ดีนี่หว่า มึงสนใจเขาเหรอต้องใช่แน่ไม่งั้นมึงไม่ขอยาปลุกจากกู แต่มึงมีน้องเฉิงแล้วนะเว้ยไหนว่ามึงรักแค่น้องเฉิงไงวะ คิดจะนอกใจน้องเขารึไงไอ้เชี่ย”ยิ่งเป็นแบบนี้เขายิ่งไม่มีทางให้ยาปลุกกับมัน            
“กูไม่เคยคิดนอกใจแฟนกู...แต่กูอยากแก้แค้น คนที่ทำให้กูมีสภาพไม่ต่างจากหมาข้างถนนในวันนั้น กูเกือบตายก็เพราะมัน มึงจะให้กูปล่อยมันไปง่ายๆเหรอวะ มึงรู้ไหมตอนนี้กูอยากฆ่ามันมากแค่ไหน กูไม่ใช่คนดี...มึงก็น่าจะรู้ และกูก็รู้ว่ามึงไม่ใช่คนดีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเอายามาให้กูเดี๋ยวนี้”            
“....”เขาสบตากับเพื่อนสนิทที่มีแมสปิดบังใบหน้าไปครึ่งนึง สลับกับหันไปมองคุณคนสวย ก่อนจะตัดสินใจเปิดลิ้นชักหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่เขากำลังทำงานอยู่ หยิบบางสิ่งบางอย่างที่เพื่อนของเขาต้องการส่งให้มันรับไป จื่ออี้ส่งยิ้มขอบคุณให้เขา เขาพยักหน้าส่งๆให้มันไปครั้งนึง กรรมใดใครก่อละกัน... หวังว่าไอ้จื่ออี้มันจะมีเมตตากับคุณคนสวยบ้าง ไม่เยจนตายคาเตียงน่ะนะ หึ...            
.
.
.
.
.
หวังจื่ออี้ใช้จังหวะที่ช่ายสวีคุนลุกจากโต๊ะไปเข้าห้องน้ำ เขานำแก้วเหล้าที่มียาปลุกเซ็กส์เคลือบอยู่ตรงก้นไปสลับสับเปลี่ยนกับแก้วของอีกฝ่าย จากนั้นก็แค่รอคอยให้มันออกฤทธิ์...            
ช่ายสวีคุนนิ่วหน้าเล็กน้อย เพราะรสชาติของวิสกี้ที่ได้ลิ้มลอง...มันแตกต่างจากก่อนหน้าที่เขาจะไปเข้าห้องน้ำ หรือว่าเขาดื่มมันเยอะเกินไป ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามันขมขึ้นน่ะ เขาคิดมากเกินไปรึเปล่า... มือเรียวรินเหล้าชั้นดีใส่แก้วและดื่มมันอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่ากำลังมีใครลอบมองเขาจากอีกมุมนึง หวังจื่ออี้แสยะยิ้มร้ายกาจ
คืนนี้ช่ายสวีคุนต้องชดใช้ให้เขาอย่างสาสม
“...แปลกมาก”มือขาวยกขึ้นมานวดเบาๆที่ลำคอของตนเอง เขารู้สึกร้อนวูบวาบในร่างกายขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทั้งๆที่แอร์ก็เย็นจัดขนาดนี้          
“...ฮึก”คนตัวเล็กครางในลำคอเมื่อเขาเริ่มรู้สึกถึงความต้องการบางอย่าง เขาควรออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เขามั่นใจว่ามันไม่น่าจะเกิดจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อย่างเดียวแน่นอน สวีคุนรู้สึกถึงอันตราย มือเรียวที่มีอาการสั่นน้อยๆรีบหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์ และจัดการวางมันลงบนโต๊ะ เม็ดเหงื่อผุดพรายไปทั่วกรอบหน้าสวย คนตัวเล็กพยายามจะเดินออกไปจากผับแห่งนี้ ตอนนี้ร่างกายของเขามันอ่อนปลวกเปียกราวกับขี้ผึ้งโดนไฟ
เดินออกมาจากโต๊ะที่เคยนั่งได้เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็รู้สึกหน้ามืด ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นไหมสีบลอนด์เทาขยับสั่นไปมาหวังเรียกสติตัวเอง แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผลเอาเสียเลย สวีคุนหอบหายใจแรง ดวงตาพร่าจนเขาแทบจะมองไม่เห็นภาพเบื้องหน้าด้วยซ้ำไป ในขณะที่ช่ายสวีคุนยืนโอนเอนใกล้จะล้มอยู่นั้น มือหนาของใครบางคนก็เข้ามาประคองเอวของร่างเล็กไว้ คนสวยสะบัดใบหน้าหันไปมองด้วยความตกใจ            
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!”สบถเสียงลอดไรฟัน มือเรียวพยายามปัดมือแกร่งให้ออกไปจากเอวของเขา ถ้าจำไม่ผิดผู้ชายตัวสูงคนนี้น่าจะเป็นคนที่เคยเอาเหล้ามาเสิร์ฟให้กับเขา เขาจำได้ว่ามันใส่แมสปิดหน้า สวีคุนสั่นศีรษะไล่ความมึนเมา และเพื่อให้สามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น            
“บอกให้ออกไปให้พ้นไง! แกอยากโดนไล่ออกรึไงห๊ะ!”คนตัวเล็กตะโกนโวยวาย อีกทั้งยังถลึงตาอย่างไม่พอใจ แต่ไม่ว่ายังไงพนักงานเสิร์ฟคนนี้ ก็ไม่ยอมปล่อยมือของมันออกจากร่างกายเขา ส่งผลให้ช่ายสวีคุนมีอารมณ์คุกรุ่นยิ่งขึ้น            
“ให้พนักงานของเราช่วยประคองคุณลูกค้าไปส่งที่รถเถอะนะครับ”เยี่ยนจวิ้นรีบเดินมาแก้ไขสถานการณ์ สองเพื่อนรักส่งซิกให้กันผ่านทางสายตา            
“เจ๋อไม่เข้าเรื่อง! ฉันเดินเองได้ปล่อย…เอามือสกปรกของแกออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”คราวนี้จื่ออี้ทำตามคำสั่งแต่โดยดี เขาอยากรู้เหมือนกันว่าช่ายสวีคุนจะอวดดีไปได้สักกี่น้ำ เหอะ!            
“โอ้ยยยย!!!!”พอเขาปล่อยมืออีกฝ่ายก็ล้มลงทันที สมน้ำหน้าชะมัด จื่ออี้กับเยี่ยนจวิ้นตั้งใจจะเข้าไปช่วยประคองร่างเล็ก ทว่าสวีคุนกลับปัดมือของพวกเขาสองคนออกพร้อมทั้งก่นด่า            
“นี่พวกแกรวมหัวกันแกล้งฉันใช่ไหม! ถอยไป!!”พยายามพยุงตัวเองขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล สวีคุนเอนตัวไปชนเก้าอี้เหล็กจนมันล้มลงและเกิดเสียงกึกก้อง สายตาจากโต๊ะอื่นๆมองตรงมาที่คนสวยในชุดตาข่ายซีทรูเป็นสายตาเดียว สวีคุนรีบจับโต๊ะไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลงไปอีกครั้ง ร่างกายของเขามันร้อนวูบวาบไปหมด เม็ดเหงื่อผุดพรายไปทั่วร่าง เขารู้สึกได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่ทั้งรุนแรงและถี่รัว นี่ร่างกายเขามันเป็นบ้าอะไรกัน!!!                       
“เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงกลับไปทำงานของมึงต่อเถอะ วันนี้กูขอลางานนะเว้ย”ร่างสูงกระซิบบอกร่างโปร่ง เยี่ยนจวิ้นพยักหน้ากลับมา จากนั้นบาร์เทนเดอร์หนุ่มก็กลับไปเช็ดแก้วที่เคาน์เตอร์บาร์ต่อ
.
.
.
.
.
หวังจื่ออี้จัดการอุ้มร่างเล็กในท่าเจ้าสาว ก่อนจะสาวเท้าเดินลงบันไดมายังชั้นล่าง ตลอดทางที่ก้าวเดินจนมาถึงลานจอดรถเขาได้รับทั้งกำปั้น รวมถึงถ้อยคำด่าทอจากช่ายสวีคุน จื่ออี้พยายามอย่างถึงที่สุดในการข่มอารมณ์ตัวเองไว้ แล้วเขาจะทบต้นทบดอกกับช่ายสวีคุนที่เตียงของเขาในคืนนี้!       
“ปล่อย!!! แกกล้ามากที่ทำกับฉันแบบนี้ พรุ่งนี้ฉันจะโทรคุยกับผู้จัดการผับ แกเตรียมตัวโดนไล่ออกได้เลย”ก่อนจะโทรไปคุยกับผู้จัดการ ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะช่ายสวีคุน ชายหนุ่มจดจ้องไปที่ใบหน้าของคนที่อยู่ภายในอ้อมแขนของเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ก่อนจะพยายามข่มน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติ แล้วเอ่ยถามตำแหน่งที่อีกฝ่ายจอดรถไว้          
“รถของคุณล่ะ...ผมจะได้พาไปส่งถูก”เสียงนี้...เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาอย่างบอกไม่ถูก แต่ด้วยสติที่เหลืออยู่ไม่มาก เขาขี้เกียจจะนึกอะไรให้มากความ เขาอยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว ถ้าได้อาบน้ำอาการที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขามันคงจะดีขึ้นบ้าง ยิ่งโดนแตะเนื้อต้องตัวแบบนี้เขายิ่งรู้สึกร้อนรุ่ม สวีคุนตัดสินใจบอกตำแหน่งรถพร้อมเลขทะเบียน ผ่านไปไม่กี่นาทีชายหนุ่มก็หยุดชะงักปลายเท้าด้านหน้ารถเมอร์เซเดสเบนซ์สีแดงเพลิง หวังจื่ออี้ปล่อยช่ายสวีคุนให้เป็นอิสระ คนตัวเล็กใช้กระโปรงหน้ารถช่วยพยุงตัว            
“กลับไปซะสิ! หมดหน้าที่ของแกแล้วนิ!”เขาเกลียดสายตาของผู้ชายคนนี้ มันมองเขาราวกับว่าตัวมันอยู่เหนือกว่าเขา ทั้งๆที่มันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟกระจอกๆ ที่สำคัญเหมือนกับว่ามันจะไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวต่อสิ่งที่เขาทั้งก่นด่าและข่มขู่มันเลยสักนิด ไม่เลย! สวีคุนหมุนตัวเดินมาที่ประตูรถด้วยความรู้สึกหงุดหงิด แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้สอดตัวเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ           
ผั้วะ!!!!
“อั่ก!!! โอ้ยยยย!!!”เจ็บจุกที่ท้องจนทรงตัวยืนต่อไปไม่ไหว มันดึงไหล่เขาจากทางด้านหลัง แล้วต่อยเข้าที่หน้าท้องของเขาเต็มๆแรง คนตัวเล็กส่งเสียงร้องโอดครวญอยู่ที่พื้น ดวงตาสวยหรี่พับลงด้วยความเจ็บ เขาเห็นมันถอดแมสออก และย่อตัวลงตรงหน้าเขา ดวงตาสวยเบิกกว้างขึ้นทันที            
“แก...ฮึก..ไอ้...ไอ้จื่ออี้!”            
“เออ กูเอง...ตกใจมากเลยสิที่เห็นว่ากูยังไม่ตายอย่างที่มึงตั้งใจ!”สวีคุนถูกมือหนากระชากศีรษะขึ้นจากพื้น 
“มองกูให้เต็มตาสิ! มอง! นี่คือสิ่งที่มึงเคยทำไว้กับกูไง!!”ร่างเล็กส่ายหน้าระรัว ช่ายสวีคุนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดจากทั้งที่หน้าท้อง และที่ศีรษะซึ่งมีมือหนาดึงกระชากเส้นผมของเขา ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ และมีบาดแผลบางส่วนที่ยังไม่หายดี ปรากฏชัดเต็มสองตาของเขา
ตั้งแต่เกิดมาช่ายสวีคุนไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวใครมากขนาดนี้มาก่อน... เขาทั้งรู้สึกหวาดกลัวและเกลียดชังไปพร้อมๆกัน หยาดน้ำตาเอ่อคลอทั้งสองดวงตาสวย ทว่าจื่ออี้กลับไม่ได้รู้สึกสงสารคนตัวเล็กแม้แต่น้อย
เขายังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ ช่ายสวีคุนเป็นเมียเขาเมื่อไหร่นั่นแหละ...เขาจะสั่งสอนให้อีกคนรู้ว่าความเจ็บปวดจริงๆมันเป็นยังไง!!
“ฮรึก..ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย!!”จื่ออี้รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าของเขาที่อยู่ในกระเป๋าด้านหลัง ตะปบเข้าที่ริมฝีปากและจมูกของคนสวย ไม่นานนักร่างเล็กที่พยายามดิ้นขัดขืนก็ค่อยๆหมดสติไป ดีนะที่เขาเตรียมการมาอย่างดี หึ... ชายหนุ่มจัดการอุ้มช่ายสวีคุนมายัดใส่รถฝั่งข้างคนขับ ก่อนเขาจะขับรถออกมาจากผับและเลี้ยวไปในเส้นทางที่เขาคุ้นเคยดี
​​
....................................
#คลั่งรักจื่ออี้
น้องคุนจะโดนเปิดซิง...??



#คลั่งรักจื่ออี้ 1


#คลั่งรักจื่ออี้

ก้มลงมองภาพด้านล่างผ่านหน้าต่างด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ตีหนึ่งกว่าแล้วแต่น้องชายของเขาเพิ่งจะกลับเข้ามาที่บ้าน ที่สำคัญตอนนี้อีกฝ่ายก็กำลังพลอดรักกับกุ้ยข้างถนน เขาเตือนน้องชายหลายครั้งแล้วเรื่องคนรักของอีกฝ่าย หวังจื่ออี้ไม่มีอะไรดีเลยในชีวิต หมอนั่นทำงานเป็นแค่เด็กขับรถส่งอาหารกระจอกๆ แตกต่างจากความเป็นอยู่ของครอบครัวเขาที่เทียบชั้นมหาเศรษฐี ไม่รู้ว่าน้องชายของเขาหูหนวกตาบอดไปคบกับคนพรรค์นั้นได้อย่างไร หรือเวรกรรมอะไรที่ทำให้สองคนนั่นโคจรมาพบและรักกันได้
ถ้าน้องชายของเขายังไม่เลิกรากับหวังจื่ออี้ละก็.... เห็นทีว่าเขาคงจะต้องรายงานป๊าให้รับทราบเรื่องนี้ ท่านต้องไม่พอใจมากแน่ๆหากรู้ว่าฟ่านเฉิงเฉิงลดตัวลงไปคลุกคลีกับเด็กสลัม หวังจื่ออี้อาจจะตายไม่ก็พิการน่ะนะ บิดาเขาต้องไม่ปล่อยมันไว้แน่ แต่ก็สมน้ำหน้าดีบังอาจไม่เจียมกะลาหัวเอง           
ช่ายสวีคุนเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นว่าน้องชายของเขาถูกหวังจื่ออี้ดึงไปกอดจูบ รู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอ้วกออกมา คนตัวเล็กปล่อยม่านหน้าต่างให้ปิดลงหลีกหนีจากภาพเหล่านั้น ก่อนจะพาตัวเองเดินออกมาจากห้องนอนและลงไปชั้นล่าง ประมาณสิบนาทีน้องชายของเขาที่มีอายุห่างกันสองปีก็ไขประตูเข้ามา            
“พี่!”สวีคุนกอดอกพลางแสยะยิ้มอย่างไม่เป็นมิตรนัก ส่วนฟ่านเฉิงเฉิงเองก็หน้าตึงขึ้นทันที พี่ชายของเขาคงจะแอบดูเขากับคนรักกอดจูบกันสินะ ไร้มารยาท! ความจริงแล้วเขาไม่ค่อยชอบพี่ชายคนนี้สักเท่าไหร่ ที่สำคัญพวกเขาสองคนไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน
ตอนเขาอายุสิบขวบมารดาของเขาตัดสินใจแต่งงานกับบิดาของอีกฝ่าย หลังจากที่มารดาของช่ายสวีคุนเสียชีวิตไปได้ไม่นานนัก ช่วงแรกๆที่เขาย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ เขากับพี่ชายคนนี้แทบจะไม่พูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ กระทั่งอีกฝ่ายถูกส่งไปเรียนเมืองนอกนั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะกลับมาทำไมเหม็นขี้หน้าสุดๆ            
“เตือนหลายครั้งแล้วนะ เรื่องหวังจื่ออี้”            
“ยุ่งอะไรด้วยล่ะ ไม่ใช่เรื่องของพี่สักหน่อย ผมกับพี่จื่ออี้เรารักกัน พี่อย่ามายุ่งเรื่องของผมจะดีกว่านะ”            
“รักเหรอ...เหอะ แกตาบอดรึไงถึงไปรักหมอนั่นได้ มันมีอะไรดีงั้นเหรอ แกถึงหลงมันขนาดนี้”เขาไม่พอใจมากขึ้นเมื่อน้องชายต่างสายเลือดเถียงกลับมาเช่นนี้ เขาหวังดีหรอกนะถึงได้เตือนสติ ยังไงซะป๊าก็ไม่มีทางเห็นด้วยกับความรักครั้งนี้ของฟ่านเฉิงเฉิงหรอก            
“เขามีดีกว่าที่พี่คิดเยอะ พี่จื่ออี้เขาเป็นคนดีมาก เขาทำงานหนักส่งตัวเองเรียน และยังหาเงินไปช่วยครอบครัว แล้วตัวพี่ล่ะนอกจากช็อปปิ้งของแบรนด์เนมกับผลาญเงินป๊าไปวันๆ พี่เคยทำอะไรเพื่อครอบครัวเราบ้าง ถ้ายังทำตัวให้เป็นประโยชน์ไม่ได้ พี่ก็อย่าไปดูถูกเขาอีก!”            
“ฟ่านเฉิงเฉิง!!!”มือเรียวคว้าหมับเข้าที่แขนของน้องชาย สวีคุนออกแรงบีบผิวเนื้อของอีกฝ่ายจนขึ้นเป็นจ้ำเลือดด้วยอารมณ์โกรธที่พุ่งสูง            
“กล้าดียังไงเอาผัวกุ้ยของแกมาเปรียบเทียบกับฉัน! ฉันจะฟ้องป๊าให้ป๊าจัดการผัวแก! โอ้ยยยย!!!!”สวีคุนถูกเฉิงเฉิงผลักจนล้มก้นกระแทกพื้น ทั้งสองต่างฟาดฟันกันทางสายตา           
“เพราะพี่เป็นอย่างนี้ไงถึงได้ไม่มีแฟน! ใครบ้างล่ะจะทนนิสัยร้ายกาจของพี่ได้ แถมยังชอบดูถูกคนอื่นเป็นที่หนึ่ง!”
“แก!!!...เรื่องของแกกับหวังจื่ออี้ฉันฟ้องป๊าแน่ เตรียมตัวถูกกักบริเวณได้เลย เผลอๆนะป๊าจะส่งคนไปซ้อมผัวแกด้วย”ช่ายสวีคุนพยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะชี้หน้าด่าคาดโทษน้องชาย ดวงตาสวยที่เต็มไปด้วยประกายคุกรุ่น จดจ้องไปที่ใบหน้าของฟ่านเฉิงเฉิงอย่างไม่วางตา กล้าดียังไงฟ่านเฉิงเฉิง... แกกล้ามากที่เอาฉันไปเปรียบเทียบกับกุ้ยชั้นต่ำอย่างมัน
.
.
.
.
.
“ป๊า!!! ผมไม่ไป ยังไงซะผมก็ไม่มีทางไปอยู่กับน้าโจวที่อเมริกา!”ประมุขของบ้านเอ่ยขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารเช้าด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ช่ายสวีคุนแอบแสยะยิ้มมุมปาก
เมื่อวานเขาได้คุยเรื่องของฟ่านเฉิงเฉิงกับหวังจื่ออี้ให้บิดาของเขาฟัง และผลคือท่านไม่พอใจเอามากๆอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิด ทีแรกคิดว่าท่านจะกักบริเวณฟ่านเฉิงเฉิงสักอาทิตย์สองอาทิตย์ แต่นี่ท่านกลับคิดจะส่งน้องชายต่างสายเลือดของเขาไปอยู่กับน้าโจวรุ่ยที่อเมริกา ผลลัพธ์ดีเกิดคาดแฮะ สะใจชะมัด!          
“ถ้าแกไม่ไปแกก็ต้องเลิกกับไอ้สวะคนนั้น แกทำได้ไหมฟ่านเฉิงเฉิง”            
“คุณคะ...ใจเย็นๆนะคะ ฉันขอร้องล่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยพูดกับลูกเอง ลูกยังเด็กแกคงหลงผิดไปอย่าถือสาแกเลยนะคะ”หญิงวัยกลางคนทว่าใบหน้ากลับยังเต่งตึงและสวยสะพรั่ง พยายามพูดเกลี้ยกล่อมผู้เป็นสามี อีกทั้งยังส่งสายตาปรามลูกชายของเธอไม่ให้ขึ้นเสียงกับผู้ใหญ่           
“จะให้ใจเย็นได้ยังไงดูลูกชายของเธอสิ...เถียงฉันฉอดๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ ถ้าสวีคุนไม่บอกฉัน ฉันก็คงเป็นตาแกหน้าโง่ไปอีกนาน ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยว่าลูกชายคนเล็กหันไปทำตัวต่ำแบบนี้”            
“ทำไมทุกคนถึงต้องดูถูกพี่จื่ออี้ ป๊าพี่จื่ออี้เขาเป็นคนดีนะครับ ถ้าป๊าได้รู้จักนิสัยใจคอของพี่เขา รับรองว่าป๊าต้องชอบ...”            
“เมื่อคืนคุนเห็นหวังจื่ออี้ดึงฟ่านเฉิงเฉิงไปกอดจูบด้วยครับ ถ้าชาวบ้านแถวนี้เห็นเข้า อายเขาตายเลยนะป๊า”ร่างบางตวัดสายตาไปยังช่ายสวีคุน ซึ่งนั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเกรี้ยวโกรธ อีกฝ่ายส่งรอยยิ้มเยาะเย้ยกลับมา ชวนให้เขารู้สึกหมั่นไส้เข้าไปอีก
“มันทำกับแกแบบที่พี่ชายแกพูดรึเปล่าฟ่านเฉิงเฉิง!”ท่านตบโต๊ะและพูดขึ้นเสียงดัง            
“ตอบป๊าไปสิลูกว่าไม่จริง ช่ายสวีคุนเขาโกหกหรืออาจจะตาฝาดไปเองคนเดียว พูดไปสิเฉิงเฉิง”มารดาของเขาพยายามอ้อนวอนเขาทางสายตา และในบางครั้งเธอก็มองไปที่ช่ายสวีคุนอย่างจงใจตำหนิ
มารดาของเขาไม่ค่อยชอบช่ายสวีคุนเท่าไหร่นัก ส่วนพี่ชายต่างสายเลือดเองก็พอๆกัน ปัญหาแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงทั่วๆไปนั่นแหละ ยิ่งตอนนี้สวีคุนเรียนจบจากเมืองนอกแล้ว และอีกฝ่ายกำลังจะเข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัว มันยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับมารดาของเขา เพราะยังไงซะธุรกิจของบ้านหลังนี้ก็คงต้องตกเป็นของช่ายสวีคุนแต่เพียงผู้เดียว เพราะเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของป๊า            
“ผมเต็มใจให้พี่จื่ออี้ทำแบบนั้น เพราะผมรักเขา!”ทันทีที่เขาตอบท่านไปเช่นนั้น ท่านตบโต๊ะเสียงดังอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนจะรุนแรงกว่าครั้งก่อน โต๊ะไม้ราคาแพงสั่นสะเทือนจนแก้วน้ำใกล้มือของท่าน กลิ้งหล่นจากโต๊ะและแตกกระจายไปทั่วพื้น            
เพล้ง!!!!!!           
“ฟ่านเฉิงเฉิง!!!!”คนตัวบางลุกจากเก้าอี้ จากนั้นเขาก็สาวเท้าเดินขึ้นบันไดเพื่อไปชั้นบนทันที ไม่ได้หันกลับมาสนใจผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย แม้ว่าท่านจะตะโกนเรียกเขาด้วยความโกรธเสียงดังมากแค่ไหน เขาไม่อยากอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกต่อไปแล้ว เขาอยากโทรหาคนรัก ให้อีกฝ่ายพาเขาหนีออกไปจากที่นี่ซะเดี๋ยวนี้เลย รู้สึกเบื่อบ้านหลังนี้เต็มที เขาไม่ใช่ลูกชายสุดที่รักของป๊า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิดไปหมดนั่นแหละ
มันผิดมากเลยรึไงกับอีแค่ครอบครัวของหวังจื่ออี้ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนครอบครัวเขา ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวสักหน่อย เขารับรู้มาตลอดว่าคนรักทำงานหนักมากแค่ไหน หวังจื่ออี้ทำงานหนักมากตั้งแต่เช้าจรดค่ำ บางครั้งเราสองคนแทบไม่ได้คุยโทรศัพท์กันด้วยซ้ำเพราะอีกฝ่ายต้องทำงาน ซึ่งเขาเข้าใจดีและยังรู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายมากๆ หากวันไหนจื่ออี้มีเรียน เขากับคนรักก็จะมีโอกาสได้ไปกินข้าวและดูหนังกันบ้าง เนื่องจากมหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ๆกัน
ร่างบางตัดสินใจขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน แม้ว่ามารดาจะเคาะประตูเรียกบ่อยแค่ไหน ทว่าฟ่านเฉิงเฉิงก็ไม่ยอมเปิดประตูให้เธอได้เข้ามาพูดคุยในห้องนอนด้วย
.
.
.
.
.
“จัดการมันตามที่แกเห็นสมควรนั่นแหละ อย่าให้มันมายุ่งกับเฉิงเฉิงได้อีก”            
คำสั่งของบิดาทำให้เขาเผลอระบายยิ้มอย่างมีความสุขออกมา... ได้เลยครับป๊า ผมจะไม่ทำให้ป๊าผิดหวังเหมือนอย่างที่ฟ่านเฉิงเฉิงมันทำ...หึ 
เมื่อตอนหนึ่งทุ่มเขาถูกเรียกเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวที่ห้องทำงานของบิดา ซึ่งก็เป็นเรื่องระหว่างน้องชายของเขาและคนรักของมันนั่นแหละ เขาจะยอมลดตัวลงไปยุ่งกับหวังจื่ออี้ก็ได้ หากว่ามันจะทำให้ฟ่านเฉิงเฉิงเจ็บปวดใจยิ่งขึ้น รับรองว่าเขาจะทำตามคำสั่งของบิดาอย่างสุดความสามารถเลยล่ะ 
จัดการกับหวังจื่ออี้ให้มันเลิกยุ่งกับน้องชายสุดที่รักของเขา ความรักของพวกมัน...จะต้องจบลงด้วยน้ำมือของเขา
.
.
.
.
.
ฉันเบื่อที่จะต้องทำเหมือนว่าฉันรักแกเต็มที...ความจริงแล้วเราต่างก็รู้ดีว่าเราเกลียดกันมากแค่ไหน ถ้าไม่มีแกกับแม่แพศยาของแก...ป๊าต้องรักและแคร์ฉันแค่คนเดียว ช่ายสวีคุนสบถขึ้นภายในใจ เขาถูกส่งให้ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่อายุสิบสอง เพราะคำยุยงของแม่เลี้ยงที่พูดกรอกหูบิดาของเขาเป็นประจำ ตัวเขาต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำ นับครั้งได้ที่บิดาจะมาเยี่ยม

เขาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอกอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง ทั้งๆที่เขาเป็นลูกแท้ๆของป๊า แต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากผู้เป็นบิดาเลย ซึ่งก็นับตั้งแต่วันที่ฟ่านเฉิงเฉิงและแม่ของมันก้าวเท้าเข้ามาอาศัยที่บ้านของเขานั่นแหละ           
.
.
.
.
.
ณ ตรอกซอยร้างผู้คน หวังจื่ออี้กำลังโดนซ้อมอย่างโหดร้ายทารุณ หนึ่งต่อสิบใครจะสู้ไหวล่ะ ยังฝืนยืนต่อสู้อยู่ได้เกือบสิบนาทีก็ถือว่าเก่งพอตัว สวีคุนนั่งตะไบเล็บอย่างสบายอารมณ์อยู่ภายในรถตู้ เขาเหลือบตาออกไปมองด้านนอกกระจกรถบ้างเป็นครั้งคราว คนตัวเล็กระบายยิ้มอย่างพอใจกับผลงานของลูกน้อง
เมื่อเห็นว่าคนรักของน้องชายล้มลงไปนอนแน่นิ่งหายใจล่อแล่อยู่บนพื้น ใบหน้าหล่อเหลาของมันเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดก็โชกไปหมดทั้งตัว สวีคุนคิดว่ามันสมควรแก่เวลาแล้วล่ะที่เขาจะลงไปดูผลงานด้านนอก คนขับรถเดินลงมาเปิดประตูให้ผู้เป็นเจ้านายตามคำสั่ง  ช่ายสวีคุนสาวเท้าตรงมายังจุดที่หวังจื่ออี้กำลังนอนกระอักเลือดอยู่ โดยมีลูกน้องของเขายืนล้อมตัวมันไว้ ชายนับสิบในชุดสูทสีดำหลีกทางให้ผู้เป็นเจ้านาย
คนตัวเล็กไล่สายตามองใบหน้าของบรรดาลูกน้อง สภาพใบหน้าบางคนชุ่มโชกไปด้วยเลือดและมีบาดแผลปะปราย หึ...ฝีมือคนรักของฟ่านเฉิงเฉิงก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนิ            
“กูไปทำอะไรให้พวกมึง”ช่ายสวีคุนละสายตาจากเหล่าลูกน้อง ก่อนจะหันไปมองคนเจ็บหนักซึ่งกำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นโสโครก มันยังมีแรงพูดได้นิ... แค่นี้ยังเจ็บไม่พอสินะ 
เขาคิดว่าควรจะสั่งให้ลูกน้องของบิดาซ้อมมันอีกครั้ง และครั้งนี้คงต้องเอาให้มันสลบคาเท้าไปเลย แต่ก็คิดว่าควรจะเล่นอะไรสนุกๆกับมันก่อนน่ะนะ รองเท้าหนังราคาแพงค่อยๆเหยียบลงบนหน้าอกของหวังจื่ออี้อย่างช้าๆ             
“แค่กๆ”ชายหนุ่มเจ็บจุกจนไอโขลกออกมา ร่างสูงพยายามมองหน้าของคนจิตใจอำมหิตผ่านเลือดที่ไหลลงมาเข้าตา เขาไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงได้จับตัวเขามาซ้อมปางตายแบบนี้ ไม่รู้ว่าพวกมันจะฆ่าเขารึเปล่า หรือว่าพวกมันจับคนมาผิดตัว แต่จากอะไรหลายๆอย่างเขาคิดว่าไม่น่าใช่ เขาพยายามถามพวกมันตอนที่โดนรุมเตะต่อย แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร และคนที่กำลังใช้เท้าเหยียบย่ำหน้าอกของเขาก็คงจะเป็นเจ้านายของพวกมัน หน้าตาก็ดีหรอกนะแต่จิตใจโหดร้ายผิดมนุษย์
แต่ทำไมคนๆนี้ถึงได้....หน้าตาคล้ายกับพี่ชายของฟ่านเฉิงเฉิงคนรักของเขา ดวงตาคมเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างได้ มีครั้งนึงตอนที่เขาขับมอเตอร์ไซต์ไปส่งฟ่านเฉิงเฉิงที่บ้าน เขาได้เจอกับพี่ชายต่างสายเลือดของคนรักโดยบังเอิญ แต่ดูเหมือนพี่ชายของฟ่านเฉิงเฉิงจงใจแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารังเกียจเขา จนเขาไม่กล้าที่จะเอ่ยทักทายกับอีกฝ่าย            
“ที่ลูกน้องฉันทำ นายยังเจ็บไม่พอสินะ!”ขยี้ส้นรองเท้าลงที่บาดแผลซึ่งมีเลือดไหล บริเวณกลางหน้าอกของร่างสูง ยิ่งเห็นมันนิ่วหน้าด้วยความทรมาน เขาก็ยิ่งจงใจเพิ่มแรงไปที่เท้าอีก สวีคุนแสยะยิ้มชอบใจ            
“....ทำแบบนี้ทำไมวะ!”ร่างเล็กย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อให้ได้เห็นผลงานตัวเองชัดๆ ดวงตากลมโตกวาดสายตาใบทั่วใบหน้าเปื้อนเลือดและร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรร จากการคาดเดาทางสายตาน่าจะมีมากกว่าสิบจุดน่ะนะ เขาระบายยิ้มพึงพอใจกับผลงานเบื้องหน้า
เห็นมันเจ็บก็เหมือนได้เห็นฟ่านเฉิงเฉิงเจ็บนั่นแหละ ยังไงซะไม่ช้าไม่นานมันก็ต้องรู้ว่าผัวมันโดนกระทืบปางตาย ทีนี้แหละเขาจะยิ่งสะใจยิ่งกว่านี้หลายร้อยเท่า            
“เลิกยุ่งกับเฉิงเฉิงซะ! ถ้าฉันรู้ว่าแกยังไม่เลิกยุ่งกับน้องชายสุดที่รักของฉันอีกละก็....แม่ของแกไม่ปลอดภัยแน่”หวังจื่ออี้ขมวดคิ้ว เขากัดฟันกรอดพยายามสกัดกั้นความแค้นไว้ในใจ ถ้าพวกมันทำอะไรแม่ของเขา เขาก็จะจัดการพวกมันเหมือนกัน ต่อให้ตัวเองต้องตายเขาก็จะทำ
ส่วนฟ่านเฉิงเฉิงไม่มีทางที่เขาจะเลิกยุ่งกับอีกฝ่ายได้ เราสองคนรักกันอย่างบริสุทธิ์ใจ เฉิงเฉิงดีกับเขามาก และไม่เคยอายที่จะบอกกับคนอื่นๆว่าเขาคือคนรักของอีกฝ่าย แม้ว่าฐานะของเราจะแตกต่างกันมากก็เถอะ เขาจะไม่มีวันยอมให้ใครมาพรากฟ่านเฉิงเฉิงไปจากเขา ยกเว้นเสียแต่ความตาย...           
“ไม่มีทาง.. แค่กๆ... กูไม่มีทางเลิกยุ่งกับเขา”พยายามเปล่งเสียงแหบพร่าตอบกลับไปด้วยความเจ็บปวด            
“หึ...แกกล้ามาก ไอ้เศษสวะ ฉันจะรอดูว่าแกจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน!”คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะใช้รองเท้าหนังกดแรงๆลงที่ซีกแก้มของหวังจื่ออี้          
“ซ้อมมันอีก!! ซ้อมมันให้มันตายคาตีนของพวกแกไปเลยนะ!!!”เขารู้สึกสมเพชสายตาจองหองของมันที่มองมายังเขา แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเกลียด...เกลียดที่มีคนรักฟ่านเฉิงเฉิงมากขนาดนี้... แตกต่างจากตัวเขาที่ไม่เคยมีใครมารักเลย เขารู้สึกว่าตัวเองแพ้ฟ่านเฉิงเฉิงอีกแล้ว ทำไมใครๆต่างก็รักมันไปกันหมด            
“ครับคุณหนู!!!!”ชายนับสิบคนขานรับผู้เป็นเจ้านาย           
.
.
.
.
.
ช่ายสวีคุนยืนกอดอกใบหน้าสวยบึ้งตึง ขณะมองบรรดาลูกน้องของบิดารุมกระทืบหวังจื่ออี้อีกครั้ง สายตาอาฆาตของมัน...จดจ้องมายังเขาตลอดเวลาขณะที่ตัวมันถูกซ้อม จนมันทนพิษบาดแผลไม่ไหวและค่อยๆสลบไป
เขาสั่งให้พวกลูกน้องเอาร่างมันไปทิ้งที่ป่ารกร้างข้างทาง ก่อนจะนั่งรถกลับบ้านมานอนพักผ่อน แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็สลัดภาพสายตาอาฆาตแค้นของมันไม่ได้เลย ช่ายสวีคุนรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก



........................
อย่าไปคาดเดาตอนจบ
#คลั่งรักจื่ออี้